โบรกฯเชียร์"ซื้อ"PTTEP หลังราคาร่วง ระบุปี 51 กำไรโตดี-ผลผลิตสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 28, 2008 10:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ หรือ ซื้อเก็งกำไร"หุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)แม้ราคาจะร่วงตามภาวะตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่เชื่อว่าจะเป็นเพียงปัจจัยด้านจิตวิทยา เพราะแง่ปัจจัยพื้นฐานถือว่าบริษัทค่อนข้างโดดเด่นในปี 51 ที่กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นมากจากแหล่งสำคัญ เช่น แหล่งอาทิตย์ และโครงการในเวียดนาม รวมทั้ง ยังได้ประโยชน์จากแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน 
โบรกเกอร์ คำแนะนำ เป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อเก็งกำไร 193
บล.กสิกรไทย ซื้อ 175
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 182
บล.ทรินิตี้ ซื้อ 195
บล.ฟาร์อีสท์ ซื้อเก็งกำไร 184
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 168
นายสุกิจ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การปรับลดลงของ PTTEP ยังเชื่อว่าลงตามตลาด เพราะว่า หุ้น PTTEP ก็เป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก และเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติถืออยู่มาก ประกอบกับมีความกังวลเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งราคาเริ่มปรับตัวลงจากระดับ 90 เหรียญ/บาร์เรล มาอยู่ 80 เหรียญกว่า/บาร์เรล
โดยหุ้น PTTEP เกี่ยวข้องข้องกับทิศทางราคาน้ำมัน แต่จริงแล้วเป็นผลกระทบเชิงจิตวิทยา เพราะรายได้ของบริษัท แท้จริงมาจากก๊าซธรรมชาติ คิดว่าคงเป็น 2 เรื่องหลักที่ทำให้ราคหุ้นปรับลงมาค่อนข้างแรง
แต่หุ้นPTTEP ยังน่าลงทุน เพราะเรามองเป็นหุ้น ASSET PLAY เป็นหุ้นที่มีสำรองก๊าซ ซึ่งไม่ได้เสื่อมค่าเร็ว เรามองระยะยาวเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐก็ไม่ได้ถดถอยนาน แต่คาดว่าใช้ระยะเวลาปรมาณ 1 -1 ปีครึ่ง ดังนั้นความต้องการใช้ก๊าซ หรือน้ำมันไม่ได้ปรับลดลง
"คำแนะนำว่า ซื้อ ยังยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงในแง่มองพื้นฐาน เพียงแต่ว่าจังหวะในการซื้อ อาจจะไม่ใช่ช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาของตลาดที่มีความผันผวนจากการขายของต่างชาติอยู่ จังหวะเวลาอาจจะไม่ใช่ ราคาอาจจะไม่ใช่ราคาตรงนี้ หรืออาจหาจังหวะทยอยซื้อ อย่าซื้อทีเดียว เพราะราคาหุ้นที่ปรับลงมาก็สะท้อนพอสมควร"นายสุกิจ กล่าว
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานปี 50 ออกมามีกำไรสุทธิ 27,766 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 8.45 บาท ลดลงเล็กน้อย 1% yoy โดยเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและค่าใช้จ่ายในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่เพิ่มสูงขึ้น
แม้ว่า PTTEP จะมีปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นและราคาจำหน่ายเฉลี่ยที่สูงขึ้นมาชดเชยก็ตาม เราประเมินว่าบริษัทจะมีปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมในปี 50 อยู่ที่ 178,545 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ 188,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ประมาณ 5%
มองว่าผลกำไรที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 51 มาจากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 25% yoy เป็น 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน จากโครงการอาทิตย์ที่จะผลิตก๊าซ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน รวมไปถึงโครงการอาทิตย์เหนือ(PTTEP ถือหุ้น 100%)ที่จะผลิตก๊าซ 120 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในปลายปีนี้
และ โครงการเวียดนาม 9-2(PTTEP ถือหุ้น 25%)ที่จะผลิตน้ำมันดิบ 20,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาส 3/51 รวมไปถึงราคาจำหน่ายปิโตรเลียมที่ยังคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง
นายวิจิตร กุลเดชคุณา นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น PTTEP มองว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีอยู่ ก็ยังคงแนะนำซื้อ เพราะเห็นว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและผลประกอบการจากช่วงนี้ไป 2-3 ปีก็จะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้น และจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นค่อนข้างมีนัยสำคัญ ได้แก่ แหล่งอาทิตย์ แหล่งเจดีเอ และที่ เวียดนาม
คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 13% เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท จากปี 50 ที่คาดว่ามีกำไรสุทธิ 2.9 หมืนล้านบาท ซึ่งจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย โดยคาดว่าโต 3%จากปี 49
"ราคาที่ร่วงไปคาดว่าตอบรับกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง และยังไม่เห็นมีข่าวอะไร"นายวิจิตร กล่าว
บล.กสิกรไทย จัดให้ PTTEP เป็นหุ้น Defensive ที่มีการเติบโตต่อเนื่องตามการขยายตัวของความต้องการก๊าซและการไฟฟ้าของประเทศ โดยราคาก๊าซจะมีความเสถียรมากกว่าราคาน้ำมัน
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/50 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 0.5% QoQ และ 56% YoY เป็น 7.05 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาดซึ่งอยู่ในช่วง 6.4—7.2 พันล้านบาท ปัจจัยที่คาดว่าจะสนับสนุนกำไรสุทธิไตรมาส 4/50 คือยอดขายที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายหลุมแห้งและผลขาดทุนจำนวนประมาณ 330 ล้านบาทจากการทำสัญญาประกันราคาน้ำมัน
แต่ทั้งปี 50 ปรับประมาณการกำไรสุทธิ ลดลง 2.6% จาก 2.86 หมื่นล้านบาท เป็น 2.81 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนผลขาดทุนจากการทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและการตัดจำหน่ายหลุมแห้งแต่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งอาทิตย์ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะช่วยให้กำไรสุทธิปี 51 ปรับตัวสูงขึ้น 29%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ