นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 62 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีที่ผ่านมา ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) ที่มีในปัจจุบันกว่า 180 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการงานต่อเนื่องจากปี 61 เช่น งานเหมาช่วง ติดตั้งโครงสร้างเหล็ก โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และงานต่อเรือเฟอรี่ข้ามเกาะสมุย รวมทั้งงานใหม่ที่เซ็นสัญญาในปีนี้ คืองานต่อเรือเก็บขยะของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก ทั้งงานภาคเอกชนที่บริษัทมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว และรุกงานภาครัฐบาลมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าเสนองานต่อเรือต่างประเทศ คาดว่าจะทราบผลในช่วงกลางปีนี้
สำหรับอู่ที่จ.สุราษฎร์ธานี ในปีนี้มีแผนขยายรายได้จากฐานลูกค้าในพื้นที่ และลูกค้าประจำที่มีงานทางโซนภาคใต้ โดยไม่ต้องวิ่งเรือมาเข้าอู่ที่สมุทรปราการ ทำให้ลูกค้าสะดวกและประหยัดต้นทุนน้ำมัน
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่ม ที่ จ.สมุทรปราการ ขยายกำลังการผลิตการซ่อมเรือ เนื่องจากมองว่าธุรกิจซ่อมเรือมีแนวโน้ม ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ลูกค้ามีงบประมาณซ่อมเรือเพิ่มขึ้น และมองว่าช่องทางการตลาดยังโตได้อีก มีดีมานด์ในการซ่อมเรือ จากการที่อู่บางรายเลิกกิจการ ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการกับ ASIMAR เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท อีโคมารีน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ASIMAR จะมีการเพิ่มช่องทางในการขายผลิตภัณฑ์น้ำยาขจัดคราบ ทำความสะอาด สูตรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ " อีโค คลีนเนอร์ พลัส " จากเดิมขายแบบ B-B ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม จะหันมาเพิ่มช่องทางการขายแบบ B-C เพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้ เริ่มขายไซซ์เล็ก เพื่อเจาะตลาดกลุ่มแม่บ้านเพิ่มขึ้น
ด้านผลประกอบการในปี 61 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 32.67 ล้านบาท ลดลง 60% จากปี 60 และมีรายได้รวม 524.89 ล้านบาท ลดลง 26% รายได้และกำไรที่ลดลงมีผลมาจากส่วนงานต่อเรือ เนื่องจากบริษัทไม่มีโครงการต่อเรือขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงเท่ากับปี 60 โดยมีเพียงโครงการต่อเรือกำจัดผักตบชวา จำนวน 4 ลำ เป็นของหน่วยงานราชการที่รับงานผ่านมาจากบริษัทย่อย บริษัท อีโค มารีน จำกัด ซึ่งส่งมอบเรือทั้งหมดเรียบร้อยแล้วในปี 61
ขณะที่บริษัทมีรายได้จากงานซ่อมเรือ 420.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.70 ล้านบาท จากงานซ่อมของสาขาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และงานโครงการซ่อมคืนสภาพเรือทำลายทุ่นระเบิด จำนวน 2 ลำ กำหนดส่งมอบไตรมาส 1/62 ส่วนรายได้งานวิศวกรรมเป็นงานโครงสร้างเหล็กของโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา และงานติดตั้งโครงสร้างเหล็กโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งทั้ง 2โครงการ มีกำหนดส่งมอบงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 62