นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,405.47 ล้านบาท และจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 17-19% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 7-9% ใกล้เคียงกับปีก่อน
โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นเพิ่มยอดขายทั้งลูกค้ารายเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ (คำสั่งซื้อล่วงหน้า) ในมือเฉลี่ยแล้วประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือน
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 80% จากปีก่อนมีกำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 70% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/62 คาดว่าน่าจะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และราคาข้าวสาลีปรับตัวลดลง
"อัตราค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลดีกับเราเป็นอย่างมาก เพราะเรามีการนำเข้าข้าวสาลีถึง 90% และปัจจุบันราคาข้าวสาลีก็ลดลง หรือมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 300 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลดีต่อต้นทุน ซึ่งเรามีนโยบายซื้อวัตถุดิบเข้ามาในสต็อกประมาณ 4-6 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ราคาปรับตัวลง เราก็อยู่ระหว่างพิจารณาซื้อวัตถุดิบเพิ่ม"นางแววตา กล่าว
สำหรับการลงทุนติดตั้งหุ่นยนต์ (Robot) ในเฟสที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตในส่วนของการร่อนแป้ง หลังจากใช้หุ่นยนต์เฟสแรกในการจัดการคลังสินค้าไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการติดตั้งประมาณไตรมาส 2/62 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายในไตรมาส 3/62 ใช้งบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท ช่วยลดการใช้แรงงานคนลงเหลือ 2 คนต่อกะ จากเดิมที่ใช้ 7 คนต่อกะ และคาดจะใช้ระยะเวลา 5-6 ปีถึงจุดคุ้มทุน โดยจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น