นายรามี ปีไรแนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 7-9% จากปีก่อน 1.72 แสนล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกกิจ คือธุรกิจอุปโภคบริโภคจะเติบโตประมาณ 10-12% ส่วนร้าน BigC จะเติบโตประมาณ 7-9% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และเติบโตจากยอดขายของสาขาเดิม ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะเติบโต 4-6% และธุรกิจเวชภัณฑ์จะเติบโตมากกว่า 10% ในขณะเดียวกันคาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 19.20% ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพื่อเป็นการขยายสาขาของ BigC ซึ่งปีนี้มีแผนเปิดร้าน BigC Hypermarkets จำนวน 8 สาขา โดยจะเปิดที่ไทยจำนวน 7 สาขา และที่กัมพูชาจำนวน 1 สาขา รวมถึงจะขยายสาขาร้าน BigC Food Place จำนวน1 สาขา และ Mini BigCs จำนวน 200 สาขา
ในส่วนของยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่ปรับตัวลดลงก่อนหน้านั้น เป็นผลจากบมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) มีคำสั่งซื้อลดลง แต่ขณะนี้บริษัทได้หาลูกค้ารายใหม่เพื่อทดแทนแล้ว โดยมีลูกค้ารายใหม่ จำนวน 3 ราย ได้แก่ ลูกค้าในกลุ่มน้ำดื่มผลไม้ และลูกค้าจากเวียดนาม ขณะที่อีกหนึ่งรายนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ในขณะนี้
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 1.6 หมื่นล้านบาท ในช่วงเดือน มี.ค. 62 โดยจะเป็นการขายให้กับนักลงทุนสถาบันและกลุ่ม High Net Worth รวมถึงรายย่อย โดยมีอายุหุ้นกู้ตั้งแต่ระยะเวลา 3,4,8,10 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.50% โดยจะนำไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเก่าทั้งหมด
นายรามี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้รีแบรนด์ร้านสะดวกซื้อในลาว M-Point Mart จำนวนทั้งสิ้น 43 สาขา ให้เป็นเป็นร้าน Mini BigC เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้มีการรีแบรนด์ไปแล้วจำนวน 2 สาขา และคาดว่าจะสามารถรีแบรนด์ได้ทั้งหมดภายในช่วงกลางปี ทั้งนี้อยู่ระหว่างเจรจาว่าจะทำการซื้อหุ้น หรือซื้อสินทรัพย์ของทาง M-Point Mart ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง