นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้ต่อเนื่อง จากเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นราว 2.5% หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล และมีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ หลังจากที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 100,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 12 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มพลังาน และจะช่วยดันดัชนีฯขึ้นไปได้
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติก็ได้กลับมาซื้อสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบเดือน ซึ่งก็เป็นสัญญาณบวกให้กับตลาดฯ และในวันที่ 15 มี.ค. FTSE จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย ทำให้คาดว่าจะมี Fund Flow ไหลเข้า สำหรับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ก็เข้าใจว่าน่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ จากสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น รวมไปถึงใกล้วันเลือกตั้งของไทย ก็น่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา โดยเฉพาะพวก Domestic plays
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,633 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,702.89 จุด เพิ่มขึ้น 148.23 จุด (+0.58%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,810.92 จุด เพิ่มขึ้น 19.40 จุด (+0.69%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,643.41 จุด เพิ่มขึ้น 52.37 จุด ( +0.69%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 184.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.35 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.94 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.58 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มี.ค.62) 1,639.67 จุด เพิ่มขึ้น 12.08 จุด (+0.74%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 243.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มี.ค.62) ปิดที่ 58.26 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มี.ค.62) ที่ 4.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.58/64 แข็งค่าตามทิศทางค่าเงินปอนด์ หลังรัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบ Brexit แบบไร้ข้อตกลง
- กพท.สั่งห้ามโบอิง 737 แม็กซ์ บิน 7 วัน เร่งตรวจอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์ "ไทยไลอ้อนแอร์" ปรับใช้เครื่องบินรุ่นอื่นแทน ยันไม่เลิกเที่ยวบิน ยอมรับบางเที่ยวบินดีเลย์ "นกแอร์" เผยมีออร์เดอร์ 6 ลำ ลั่นหากโบอิ้งแก้ไขไม่ได้ จ่อเลิกคำสั่งจอง ด้านสายการบิน ทั่วโลกเกือบ 30 ประเทศ สั่งห้ามบิน
- รฟท.ออกแบบ 2 ทางเลือก รถไฟทางคู่ "มาบกะเบา-ชุมทางจิระ" ช่วงผ่านเมืองโคราช "ทุบ/ไม่ทุบ" สะพานสีมาธานี เตรียมชงคมนาคมตัดสิน ก่อนเสนอ ครม. หวังประมูลในปี 62 เร่งก่อสร้าง เสร็จ ม.ค.65 ระบุปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการจาก 7 พันล้านบาท เป็น 1 หมื่นล้านบาท แม้แบบแรกไม่ทุบผลกระทบน้อย ประหยัดค่าก่อสร้าง ส่วนแบบทุบสะพานสีมาธานีต้องเพิ่มค่าก่อสร้างทางรถไฟยกระดับยาว 5 กม. บวกปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนัก 2-3 ปี
- ตลาดหลักทรัพย์ เล็งเปิดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 63 เผยเตรียมทำเฮียริ่งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 27 มี.ค.นี้ คาดพัฒนาแพลตฟอร์ตใหม่เสร็จช่วงสิ้นปี เบื้องต้นเปิดซื้อขาย "โทเคน" 3 ประเภท อ้างอิงจากหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และโครงการวิจัยพัฒนา
- "แบงก์ชาติ" เผยทุนจีนแห่ซื้ออสังหาฯ ไทยในปี 61 พุ่ง 65% แตะระดับ 3.9 หมื่นล้านบาท มั่นใจยังไม่ส่งผลลบต่อภาพรวมตลาด แต่แนะหน่วยงานรัฐผนึกภาคเอกชน เก็บข้อมูลการซื้อขายชาวต่างชาติ เพื่อประเมินความเสี่ยง พร้อมพัฒนากรอบ สัญญาร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทย-เทศ เพื่อความโปร่งใส ลดความเสี่ยงจากการร่วมทุนไม่เป็นธรรม
- ธนาคารกรุงเทพมอง จีดีพีโต 4% ผลจากวางรากฐานที่ดี แม้มีรัฐบาลใหม่ หนุนสินเชื่อโต 4-6% ปีนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 88 บาท ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หนุนประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ CPALL ยังมี Growth story จากโอกาสได้สิทธิเปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 55 บาท คาดกำไรปี 2562 ที่ 4.6 พันล้านบาท +25% Y-Y คาดการณ์เติบโตสินเชื่อ 30% Y-Y และเปิดสาขาใหม่อีก 600 แห่ง เป็น 3,900 แห่ง ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนทางการเงินแม้ปรับขึ้นบ้าง แต่ผลกระทบจำกัด เพราะเงินทุนระยะยาวอยู่ที่ 70% จาก 60% ในปี 2560 และมีการควบคุมคุณภาพสินเชื่อทำได้ดีต่อเนื่อง สังเกตจาก NPL ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.12% และ Coverage ratio ที่สูงถึง 278% ในปี 2561 ด้านราคาหุ้นเพิ่งฟื้นจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งพฤติกรรมในอดีตมักปรับขึ้นต่อเฉลี่ยรอบละ 10%
- IVL (กสิกรไทย)"ซื้อ"เป้า 60 บาท ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อ IVL จากการตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทที่คาดว่าจะเติบโต 20% ในปี 2562 และจะเติบโตขึ้นเท่าตัวในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนในระยะสั้นดูเหมือนว่ากำไรของ IVL ได้ผ่านจุดต่ำไปแล้วในไตรมาส 4/2561 โดยคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสข้างหน้า