นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อันดัสตรี้ (FPI) คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่ 6.33% โดยจะเน้นบริหารจัดการต้นทุนในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั้งกระบวนการชุบ กระบวนการฉีดสี ซึ่งมองว่าปีนี้ต้นทุนจะลดลง 40-50% และคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 110 ล้านบาท
สำหรับรายได้ปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 10% มาที่ 2,200 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงเน้นการขยายตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐ เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งก็จะทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดี และปีนี้จะมีปัจจัยหนุนจากโรงงานที่อินเดีย ที่จะเริ่มรับรู้กำไร ตั้งแต่เดือน ก.ย. 61 หลังจากที่ได้ทำสัญญา เพื่อพ่นสีให้กับค่ายรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในตลาดอินเดีย นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าการรับจ้างผลิตสินค้าหรือชิ้นส่วนให้กับแบรนด์ต่าง ๆ (OEM) มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Backlog) แล้วราว 800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ราว 400-500 ล้านบาท และมีการเจรจาเข้ารับงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันได้เข้าเจรจารับงานจาก TOYOTA ซึ่งจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเข้ามา ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้งานราว 100 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/62
"ปีก่อนผลกระทบหลัก ๆ มาจากการชะลอการขายในซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี VAT 5% ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และอียิปต์ตั้งแต่ 1 ม.ค. 61 ทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อ รวมถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในปีนี้บริษัทก็มีผลกระทบในเรื่องนี้ แต่เราก็ได้มีการปิดความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าวแล้ว"นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง โดยมีวงเงินในการทำรายการกว่า 150 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนประมาณ 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.64% ตั้งแต่ 22 ก.พ.-21 ส.ค.62 ซึ่งบริษัทเชื่อว่าการซื้อหุ้นคืนจะเป็นผลดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เพราะจะทำให้สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น และในอนาคตจะทำให้อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น(ROE) เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอัตราเงินปันผลมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้เพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล
สำหรับความคืบหน้าในการซื้อหุ้นคืนนั้น บริษัทได้ทยอยซื้อหุ้นคืนไปแล้วบางส่วน และมีจำนวนรวมของหุ้นที่ซื้อคืนในโครงการจนถึงปัจจุบัน ณ 15 มี.ค.62 อยู่ที่ 7.34 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 17.19 ล้านบาท