ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กกระแสคาดเฟดลดดบ.ดันดาวโจนส์ปิดพุ่ง 176.72 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 29, 2008 06:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่อ่อนแอลง ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมปลายเดือนนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 176.72 จุด หรือ 1.45% แตะระดับ 12,383.89 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 23.36 จุด หรือ 1.76% แตะระดับ 1,353.97 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 23.71 จุด หรือ 1.02% แตะระดับ 2,349.91 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.64 พันล้านหุ้น มีจำนวนห้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.11 พันล้านหุ้น
นายอัลเฟรด โกลด์แมน นักวิเคราะห์จากเอจี เอ็ดเวิร์ด แอนด์ ซัน กล่าวว่า นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ร่วงลง 4.7% และยอดขายบ้านใหม่ตลอดปี 2550 ดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 26.4% เมื่อเทียบกับปี 2549
"อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายบ้านใหม่จะทำให้เกิดการคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่ในด้านลบนั้น ข้อมูลดังกล่าวยังคงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่ออาจฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ถดถอยลง" นายโกลด์แมนกล่าว
"แม้แต่กระแสคาดการณ์เรื่องเฟดลดอัตราดอกเบี้ยก็ยังมีทั้งด้านดีและด้านลบ โดยในด้านดีนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น แต่ในด้านลบ นักลงทุนมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงรุนแรงกว่าที่คิด" เขากล่าว
ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ พารีส นักวิเคราะห์จากบริษัทแบร์ริงตัน รีเสิร์ช ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูผลการประชุมเฟดเป็นหลัก และคาดการณ์กันว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.50% โดยนักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มผู้ผลิต ซึ่งช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน"
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีท่าทีวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศสเปิดเผยว่าธนาคารได้รับความเสียหายเป็นวงเงินสูงถึง 4.9 พันล้านยูโร (7.16 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากการฉ้อโกงของนายเจอร์โรม เคอร์วิล เทรดเดอร์ด้านการซื้อขายล่วงหน้าของซอคเจน
หุ้นแมคโดนัลด์ปิดร่วงลง 5.6% หลังจากแมคโดนัลเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่ง แต่ยอดขายในสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ทรงตัว
ขณะที่หุ้นแบล็คสโตน กรุ๊ปดิ่งลง 21 เซนต์ ปิดที่ 19.15 ดอลลาร์ และหุ้นอัลไลอันซ์ ดาตา ซิสเต็มส์ (เอดีเอส) ร่วงลง 35% เพราะยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าแบล็คสโตนจะเข้าเทคโอเวอร์กิจการเอดีเอสหรือไม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ