โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้นบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) หลังคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 62 ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นโต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและอาเซียน โดยกลัยมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 61 หลังชะลอตัวไปจากเหตุการณ์เรือล่มภูเก็ต ประกอบกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa ON Arrival (VOA) นักท่องเที่ยว 21 ประเทศถึงสิ้นเดือนเม.ย.62 ช่วยหนุน ขณะที่ราคาน้ำมันปรับลดลงและเงินบาทแข็งค่าขึ้นส่งผลดีต่อต้นทุนการดำเนินงาน
ทั้งนี้ AAV ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปีนี้ไว้ที่ 23.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อน พร้อมคาดอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ 86% และอัตราการใช้งานเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 ชั่วโมง/วัน จากปีก่อน 11.7 ชั่วโมง/วัน รวมถึงเดินหน้าเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่ม และเพิ่มความถี่การบินอีก 21 เส้นทาง จะช่วยหนุนต่อผลประกอบการทั้งปีนี้ด้วย
ช่วงบ่ายราคาหุ้น AAV อยู่ที่ 4.12 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.41%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 5.05 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 5.10 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 5.15 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 5.15 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 5.00 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเก็งกำไร 5.12
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ AAV ในปี62 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ 776 ล้านบาท จากระดับกำไรสุทธิราว 70 ล้านบาทปีก่อน โดยจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป ตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและอาเซียน จากผลมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียม VOA ให้นักท่องเที่ยว 21 ประเทศ ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.62
AAV ยังตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปีนี้ไว้ที่ 23.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อนอยู่ที่ 21.6 ล้านคน และตั้งเป้า Load Factor ไว้ที่ 86% ในขณะที่ตั้งเป้าอัตราการใช้งานเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 ชั่วโมง/วัน จากประมาณ 11.7 ชั่วโมง/วันในปี 61
ขณะเดียวกันในด้านต้นทุน AAV ยังได้ป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเอาไว้ประมาณ 52% สำหรับการใช้งานในปี 62 ที่ต้นทุนเฉลี่ย 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานเช่นกัน
"เรามองว่า AAV ได้ผ่านจุดที่แย่ไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันที่ลดลง และค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น รวมถึงยังมีแผนเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินเดิมที่เป็นที่นิยม และเพิ่มเส้นทางบินใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต เราจึงยังคงแนะนำ"ซื้อ""นายปริญทร์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิของ AAV ในปี 62 จะเติบโตมาที่ 885 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 70 ล้านบาท หลังจากการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และชั่วโมงการบินเพิ่มขึ้นช่วยเฉลี่ยต้นทุนคงที่ต่อหน่วย ขณะที่คาดรายได้ในปีนี้จะเติบโต 11% เป็น 4.34 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย หลังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA
ทั้งนี้ ในปีนี้กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 7.5% เป็น 41.1 ล้านคน โดยจะมาจากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 11% ที่ 11.69 ล้านคน และอาเซียนเพิ่มขึ้น 10% ที่ 11.31 ล้านคน และอินเดีย เพิ่มขึ้น 26% มาที่ 2.01 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดถือว่าเป็นตลาดสำคัญของ AAV
ขณะเดียวกัน AAV ยังได้มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ในปี 61 และครึ่งปีแรกของปี 62 อีก 28 เส้นทางบิน และเพิ่มความถี่ในการบินอีก 21 เส้นทาง โดยเส้นทางที่มีศักยภาพจะเปิดเพิ่ม เช่น ดาลัดที่เวียดนาม สีหนุวิลล์ที่กัมพูชา นิวเดลี-ไฮเดอร์ราบัดที่อินเดีย กาฐมาณฑุที่เนปาล รวมถึงจะใช้ประโยชน์จาก HUB ที่มีอยู่ 6 แห่งให้มากขึ้น และปีนี้เพิ่มเชียงรายเป็นแห่งที่ 7 ในการบินทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ AAV
พร้อมกันนี้ AAV ยังมีแผนรับมอบเครื่องบินอีก 4 ลำเป็น 66 ลำ เพิ่มชั่วโมงบินเป็น 12.5 ชั่วโมง/วัน/ลำ ทำให้ Capacity เพิ่มขึ้น 11% โดยตั้งเป้าผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 7.3% มาอยู่ที่ 23.15 ล้านคน และ Load Factor เพิ่มเป็น 86% โดยแผนในระยะยาว 5 ปีจะเน้นเส้นทางบินใหม่ในอินเดีย และ CLMV ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 10% และ 15% ตามลำดับ จากปัจจุบันที่ 5% และ 10% เพื่อมาถ่วงดุลกับตลาดจีนที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 30% แม้ตลาดจีนยังเติบโตแต่สัดส่วนจะลดเป็น 20% ส่วนตลาดในประเทศและอาเซียน (ไม่รวม CLMV) จะคงสัดส่วนเท่าเดิมที่ 45% และ 10%
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 1/62 คาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวทั้งจีน อินเดีย และอาเซียน หลังจากชะลอไปในช่วงครึ่งหลังของปีก่อน ทำให้รายได้เฉลี่ย/ตั๋วดีขึ้น ต้นทุนลดลงตามราคาน้ำมันและเงินบาทที่แข็งค่าจาก 32.81 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ราว 31.60 บาท/ดอลลาร์ แต่หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคาดกำไรสุทธิจะลดลง เนื่องจากปีก่อนฐานกำไรสูงและจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานจากกฎหมายแรงงาน ใหม่ที่ 111 ล้านบาท โดยการฟื้นตัวจะเห็นชัดในช่วงถัดไปตามความต้องการที่กลับมาโดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่ปีก่อนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวลง
ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในปี 62 กำไรสุทธิของ AAV จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยประเมินไว้ที่ 716 ล้านบาท จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้น ทำให้ประมินรายได้จะยังเติบโตได้ดีมาอยู่ที่ 4.34 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 12% จากปีก่อน เป็นไปตามนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA และราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่ง AAV มีสัญญาซื้อล่วงหน้าในสัดส่วนถึง 50% ของปริมาณการใช้ทั้งปีแล้ว รวมถึงยังได้รับอานิงสงส์จากอัตราค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นด้วย
สำหรับการเปิดเส้นทางใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องโดยตลาดประเทศในกลุ่ม CLMV และอินเดีย จะเป็นเส้นทางที่ AAV ให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากต้องการให้จำนวนผู้โดยสารในสองกลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดการพึ่งพิงตลาดลูกค้าจากประเทศจีน โดยปัจจุบัน AAV มีสัดส่วนลูกค้าจากจีน CLMV และอินเดีย อยู่ที่ 30%,10%,5% ตามลำดับ และวางเป้าในอนาคตจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 20%,15% และ 10% ตามลำดับ