SGP มองราคา LPG ช่วง Q1/62 เพิ่มขึ้น-ออร์เดอร์ตปท.ขยายตัวช่วยหนุนผลงาน พร้อมรุกขยายคลังในตปท.เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 19, 2019 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/62 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ราคา LPG ตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน มาอยู่ที่เฉลี่ย 460 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยคาดว่าทั้งปี 62 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 550-650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปี 61 ที่อยู่ระดับ 540 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

ขณะที่ยอดขายต่างประเทศยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง และกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายปริมาณการขาย LPG ที่ราว 3.8 ล้านตัน เติบโต 10% จากปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ พร้อมด้วยคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากคลัง LPG ที่มีกระจายอยู่ในหลายประเทศ และระบบโลจิสติกส์ที่มีอยู่ ยังคงมีความสามารถในการรองรับหากมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา

ทั้งนี้ บริษัทให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลัง LPG ในประเทศบังกลาเทศ เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ LPG อย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการลงทุน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงกลางปี 62 ปัจจุบันบริษัทมียอดขาย LPG ที่ขายในบังกลาเทศแล้ว ในลักษณะของการขายส่งเป็นลำเรือ โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 30,000-40,000 ตัน/เดือน

"จากปริมาณขาย LPG ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ บริษัทได้วางแผนที่จะขยายกองเรือเพิ่มขึ้น โดยปีนี้มีแผนซื้อเรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ (VLGC) จำนวน 1 ลำ และเรือบรรทุกก๊าซขนาดเล็กเพิ่มอีก 2-3 ลำ เพื่อใช้สำหรับขนส่ง LPG ระหว่างประเทศ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของสยามแก๊สฯ"นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงเน้นการขยายธุรกิจ LPG ในต่างประเทศ และพิจารณาถึงโอกาสในการทำธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆด้วย อาทิ ธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นต้น เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรที่มีความสม่ำเสมอให้มากขึ้น โดยในสิ้นเดือนมี.ค.หรือต้นเดือนเม.ย.62 นี้ เตรียมเปิดให้บริการคลัง LPG ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และยังเตรียมลงทุนคลัง LPG ในประเทศอินโดนีเซียในปีนี้หลังจากมีความล่าช้ามานาน ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนแล้ว และมีโอกาสที่จะเริ่มลงทุนภายในปี 62

พร้อมกันนี้ ในปีนี้บริษัทจะรับรู้กำไรจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า 2 แห่งในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้ามีขนาดกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งสองแห่ง โดยปัจจุบันบริษัทรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทมีกำไรสม่ำเสมอด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ