BCP คาด Q1/62 การใช้กำลังการกลั่น-ค่าการกลั่นใกล้เคียง Q4/61 ,ไม่มีผลกระทบสต็อกน้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 20, 2019 13:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/62 การใช้กำลังการกลั่นของบริษัทอยู่ที่ราว 1.1 แสนบาร์เรล/วัน และค่าการกลั่น (GRM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 4/61 ที่มีการใช้กำลังการกลั่น 1.14 แสนบาร์เรล/วัน และ GRM อยู่ที่ 5.94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ค่าการกลั่นในช่วงต้นไตรมาสแรกของปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากส่วนต่าง (สเปรด) น้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบที่ลดลงมาตั้งแต่ปีที่แล้วที่อยู่ราว 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินชะลอตัว โดยช่วงไตรมาส 4/61 ยอดขายรถยนต์นั่งในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดในโลกหดตัวครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยลดลง 10% และยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องในไตรมาส 1/62 ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม สเปรดน้ำมันเบนซินเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นในเดือน มี.ค. หลังจากที่โรงกลั่นในยุโรปและเอเชียเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่ราคาเบนซินสูงขึ้นและปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบไม่ได้สูงขึ้นมาก ทำให้สเปรดน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมาที่ราว 7-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนให้ค่าการกลั่นรวมเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ยังทรงตัวในระดับ 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้คาดว่าในไตรมาส 1/62 บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันเหมือนในไตรมาส 4/61 ที่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันและสินค้าคงเหลือรวม 2.5 พันล้านบาท ขณะที่มองราคาน้ำมันดิบทั้งปีนี้น่าจะทรงตัวระดับดังกล่าว เนื่องจากทิศทางปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามามีแนวโน้มดีขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เลื่อนการประชุมในออกไปจากเดือนเม.ย.บ่งชี้ว่าโอเปกจะยังคงแผนลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง

สำหรับยอดขายน้ำมันรวมของบริษัทในไตรมาส 1/62 คาดว่าจะเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่าเป็นการขยายตัวมากกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตราว 2.5% ส่วนทิศทางในไตรมาส 2/61 คาดว่าตลาดอาจจะดีขึ้นหลังการเลือกตั้งที่อาจจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันกลับมาเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่อาจจะฟื้นตัวขึ้น

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น หลังจากมีการซ่อมบำรุงใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทก็มีความพร้อมรับมาตรการขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่มีมติให้จำกัดกำมะถันในน้ำมันเตาของเรือเดินสมุทรไม่เกิน 0.5% จากระดับ 3.5% ในปัจจุบัน มีผลตั้งแต่ปี 63 โดยปัจจุบันบริษัทสามารถกลั่นน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำระดับ 0.2-0.3% แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อรองรับการผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบ คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในปี 65 ขณะที่ปัจจุบันโรงกลั่นของบริษัทสามารถผลิตน้ำมันเบนซินและดีเซลพรีเมียมได้ตามมาตรฐานยูโร 5 อยู่แล้ว

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินโครงการ Refined Glycerin Plant ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกลีเซอรีน กำลังผลิตไม่น้อยกว่า 100 ตัน/วัน มูลค่าราว 390 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 63 ซึ่งเป็นการนำกลีเซอรีน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตไบโอดีเซล (B100) มากลั่นให้บริสุทธิ์ โดยช่วงแรกมีแผนจะจำหน่ายในประเทศและส่งออก แต่ในอนาคตมีโอกาสจะนำผลิตภัณฑ์ไปต่อยอดธุรกิจไบโอพลาสติก

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่รัฐบาลมีแผนจะเปิดประมูลรอบใหม่ในเร็ว ๆ นี้ หลังล่าสุดรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเปิดประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณครั้งที่ผ่านมา โดยจะขอศึกษารายละเอียดก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ