หุ้น PTTEP ราคาขยับขึ้น 2.02% มาอยู่ที่ 126.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 467.36 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 126 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 126.50 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 126 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ด้ายราคาเป้าหมาย 150 บาท และมีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจากการซื้อหุ้น 100% ของ Murphy Sabah Oil และ Murphy Sarawak Oil มูลค่า 2,127 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการขยายเข้าไปในมาเลเซียในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ ช่วยเพิ่มรายได้ ปริมาณการผลิตและสำรองในระยะยาว โดยทั้ง 2 บริษัทเป็น asset ที่ดี มี EBITDA margin สูง คาดเพิ่มสำรอง 27% เพิ่มกำไรราว 10-15%
ด้านบล.กรุงศรี แนะ"ซื้อ"หุ้น PTTEP ให้เป้าใหม่ 150 บาท จากเดิม 115 บาท โดยได้ปรับคำแนะนำและราคาเป้าหมายของ PTTEP ขึ้นสะท้อนมุมมองบวกจากการเข้าซื้อกิจการ Murphy oil ในมาเลเซีย คาดการเข้าซื้อดังกล่าวจะเพิ่ม Sale volume และกำไรให้กับ PTTEP เฉลี่ย 18% ต่อปีในช่วง 5 ปี ข้างหน้า
ส่วนบล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น PTTEP ขึ้นแท่นผู้ผลิตเบอร์ 3 ในมาเลเซียหลังซื้อ Murphy Oil โดย PTTEP แจ้งการเข้าซื้อธุรกิจทั้งหมดของบริษัท Murphy ประเทศมาเลเซีย ทำให้ PTTEP ได้แหล่งผลิตและสำรวจเพิ่มขึ้นมา 5 แหล่ง สำหรับเงินลงทุนให้การเข้าซื้อดังกล่าวอยู่ที่ 2,127 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทจะชำระมูลค่าการซื้อขายด้วยเงินสดที่มีอยู่ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/62
โดยประเมินว่าเป็น Deal ที่คุ้มค่าสำหรับ PTTEP ด้วย 1) ราคาซื้อที่ไม่แพง โดยราคาซื้อต่อ 2P reserve อยู่ที่ประมาณ 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถูกกว่าค่าเฉลี่ยที่ 11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล 2) สามารถรับรู้ผลกำไรได้ทันที ราวไตรมาสละ 65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 พันล้านบาท ทำให้กำไรปี 2562 และ 2563 เพิ่มขึ้น 4 พันล้านบาท และ 8 พันล้านบาท +10% และ 25% ตามลำดับ
พร้อมประเมิน Upside ประมาณ 5-9 บาทต่อหุ้น โดยให้ราคาเป้าหมายเดิมที่ 139.00 บาท (ยังไม่รวม Upside จาก Murphy)
สำหรับบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ"หุ้น PTTEP ราคาเหมาะสม 150 บาท ไม่รวม Upside จาก Murphy มูลค่าประมาณ 8.10 บาท/หุ้น คาด EBITDA เพิ่มประมาณ 15% ในปี 2563 โดยสินทรัพย์ Murphy มีปริมาณปิโตรเลียมสำรอง (2P) 274 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (MMBOE) คิดเป็น 27% ของปริมาณปิโตรเลียมสำรองของ PTTEP โดยสัดส่วนของ Murphy เป็นของเหลว 37% และก๊าซฯ 63% ทำให้โครงสร้างปริมาณสำรองของ PTTEP มีของเหลวเพิ่มขึ้นเป็น 27% จาก 25% ณ. สิ้นปี 2561 โดยก๊าซฯ ลดสัดส่วนเหลือ 73%