หุ้น PTTCH ราคาขยับขึ้น 1.67% มาอยู่ที่ 91.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 281.92 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.14 น. โดยเปิดตลาดที่ 91.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 92 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 90 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) โดยให้ Fair Price ที่ 141 บาท/หุ้น คาดกำไรสุทธิ 4Q50 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 7.06 พันล้านบาท +40% QoQ, +62% YoY สาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นอย่างมีสาระสำคัญของ Spread MEG (+61%QoQ, +70%YoY เป็น US$702/ตัน)และการเพิ่มขึ้นของปริมาณยอดขาย MEG (+20%QoQ,+14%YoY เป็น 100,000 ตัน) จากแนวโน้ม 4Q50 ที่ดีกว่า ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 13% จากเดิม เป็น 17,515 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีผลบวกของโครงการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 50-52 คาดทำให้ยอดขายและกำไรสุทธิในช่วงปี 51-53 เติบโตในอัตราเฉลี่ย 17% และ 6% ต่อปี ตามลำดับ (ปี 53 ขยายตัวโดดเด่นสุด) อีกทั้งยังมีจุดเด่นจากการเป็นโรงงานปิโตรเคมี Gas-based และมีสูตร Netback Pricing ในส่วนของวัตถุดิบก๊าซ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเซียที่เป็น Naphtha-base และสามารถทนแรงเสียดทานของวัฎจักรขาลงของ ปิโตรเคมีได้อย่างแข็งแกร่ง
บทวิเคราะห์ฯ บล.สินเอเซีย แนะ"ซื้อลงทุน"ระยะยาว หุ้น PTTCH โดยให้ราคาเป้าหมายปี 51 ที่ 144 บาท P/E Ratio ที่ 12.00 เท่า แม้ในปี 51 อาจเกิดความไม่มั่นใจจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ลดลง แต่ PTTCH ได้มีการลงทุนต่อเนื่องทั้งการขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในโครงการปลายน้ำที่จะช่วยลดความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจโอเลฟินส์ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางธุรกิจของ PTTCH ได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปกติ 4Q50 จะเติบโตก้าวกระโดด หลังจากมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้นจากหยุดซ่อมบำรุงใน 1H50 และจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นมาก เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบ
ด้านบทวิเคราะห์ฯ บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อลงทุน"หุ้น PTTCH ให้ราคาเหมาะสมปี 51 ไว้ที่ 145 บาท/หุ้น แม้ว่าผลประกอบการปี 2551 จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 95% จากการหยุดเครื่องจักรทั้งตามกำหนด และไม่ตามกำหนด แต่มองว่ากำลังกาผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 12% จะไม่กระทบยอดขายรวมของบริษัท ขณะที่ความได้เปรียบของบริษัทจากการผลิตด้วยก๊าซฯ ทำ
ให้ส่วนต่างราคาผลิตภัฑณฑ์ไม่ได้รับผลกระทบมากในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดผลประกอบการจะแข็งแกร่งต่อเนื่องถึงกลางปี 2551 ขณะที่ทั้งปี 2551 คาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 18,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%yoy จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการ Oleo Chemical ที่จะเริ่มรับรู้ใน H2/51 ด้านเงินปันผล H2/50 อยู่ที่ 3.25 บาท Div. Yld. 3.61%
ผลประกอบการยังคงมีแนวโน้มสอดคล้องกับคาดการณ์เดิม โดยคาดกำไรสุทธิ Q4/50 จะอยู่ที่ 5,899 ล้านบาท เป็นระดับสูงสุดใหม่ซึ่งเติบโต 35%yoy และ 17%qoq ขณะที่ยังคงยืนยันแนวโน้มผลประกอบการ 1H/51 ยังคงเติบโต yoy ต่อเนื่องจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 12% หลังจากการทำ Debottleneck อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทมีการแจ้ง Unplan Shutdown เป็นระยะเวลากว่า 13 วัน เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำเข้าระบบในการผลิต อย่างไรก็ตามไม่ใช่ปัญหารุนแรง ซึ่งเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตโดยรวมคิดเป็นประมาณ 1.7% เท่านั้น โดยบริษัทคาดจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงเวลาที่เหลือขึ้นมา เพื่อชดเชยส่วนที่หายไปใน Q1/51 ได้
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--