บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ปี 51 โตขึ้นจากปีก่อน 10-15% จากปี 50 ที่มียอดรับรู้รายได้มากกว่า 7 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ในระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปี 50 ที่สามารถสร้างยอดขาย 1.56 หมื่นล้านบาท
ในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวม 1.42 หมื่นล้านบาท โดยจะพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 50:50 พร้อมกันนั้น จะให้ความสำคัญในการพัฒนาทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวในเมืองมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีงานในมือ(Backlog)ที่รอรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 54 จำนวน 17,550 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบที่บริษัททยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/50 บางส่วนและ ในไตรมาส 1/51 ส่วนที่เหลือจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม คาดรับรู้รายได้ 1.4 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้ 3 - 3.5 พันล้านบาท และในปี 52 จะรับรู้ราว 4 - 5 พันล้านบาท และที่เหลือจะรับรู้ในปี 53
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AP กล่าวว่า บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้อยู่ที่ 10-15% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ถึงแม้จะมีปัจจัยกดดันในเรื่องของต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนโดยรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5% อย่างไรก็ตาม บริษัทจะปรับราคาเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับการแข่งขันและทำเล ทั้งนี้หากความต้องการกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ก็จะพิจารณาอีกครั้ง
"บริษัทคงจะขอดูสภาพตลาดและความต้องการในช่วงไตรมาส 3 และ 4 รวมถึงการฟอร์มทีมรัฐบาลว่าจะมีนโยบายต่อภาคธุรกิจอสังหาฯอย่างไร โดยหากสถานการณ์ปกติ ก็เชื่อว่าจะรักษา Gross Margin ได้ที่ 30-35% ส่วนราคาขายก็คงจะต้องดูสถานการณ์ในช้วงนั้นด้วย การปรับขึ้นราคาพูดยากเหมือนกันภายใต้การแข่งขันที่ต้องยอมรับว่าเพิ่มขึ้น" นายอนุพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของงบลงทุนในปีนี้ วางงบไว้ 3 พันล้านบาท ในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการในอนาคต โดยจะมาจากกระแสเงินสด
ส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนระหว่างบริษัท กับกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ ผู้ดำเนินธุรกิจด้านบริหารด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียนั้น นายอนุพงศ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างวางแผนร่วมกัน โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการภายใต้ชื่อ "Life and MRT รัชดา" มูลค่าโครงการ 3 พันล้านบาท และ โครงการ"The Address สาทร 12" ในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ปีนี้
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 51 นายอนุพงศ์ เชื่อว่าการแข่งขันจะรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่จะได้เปรียบมากกว่า เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก โดยเฉพาะเรื่องความสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ขณะเดียวกัน เห็นว่าเรื่องอัตราดอกเบี้ยจะไม่มีผลต่อตลาดเท่ากับเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าจะเติบโต
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--