หุ้น STEC ปรับขึ้น 3.04% มาที่ 23.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดที่ 593.32 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.05 น. โดยราคาหุ้นเปิดตลาด 23.70 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 24 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 23.70 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.87%
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าผลการเลือกตั้งของไทยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจัยการเมืองจะคลี่คลายลง และมีโอกาสที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมกับพรรคพรรคภูมิใจไทย ,พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนส.ส. รวมเกิน 250 ที่นั่ง ทำให้ความคาดหมายว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะต่อเนื่องน่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
โดยหุ้นกลุ่มรับเหมาจะได้อานิสงส์จากความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล โดยชื่นชอบหุ้นบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ที่ประเมินว่าการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ หลังมีรัฐบาลใหม่ รวมถึง Momentum ของกำไรยังเร่งตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้แบบ S-curve ที่ชันขึ้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู และเหลือง
ด้านเทคนิคประเมินแนวรับ 22.7 บาท และแนวต้าน 24 บาท โดยมีจุด Stop loss 22.2 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น STEC ให้ราคาเป้าหมายที่ 28.50 บาท โดยมองว่างานประมูลโครงการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามผลักดัน จะได้เห็นต่อเนื่องหลังผลเลือกตั้งเบื้องต้นชัดเจน ขณะที่ปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มีสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ซึ่งโดดเด่นกว่ากลุ่ม และคาดหวังจะได้งานใหม่กว่า 3 หมื่นล้านบาท จากทางด่วนพระราม 3 รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น
ด้านฐานะการเงินแกร่ง คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น 22% เป็น 1.58 พันล้านบาท ปัจจุบันมี PE 22x คิดเป็น PEG 1x ต่ำกว่าในอดีตที่ 1.3-1.5x