นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสวีไอ (SVI) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20% มาที่ราว 600-640 ล้านเหรียญสหรัฐ จากมีลูกค้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) ของประเทศเยอรมนี และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (Clean Energy) โดยจะมุ่งเน้นไปยังการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงลูกค้าจากประเทศจีนที่มีความต้องการสินค้าสูงขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ขณะเดียวกันคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 6% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 5.08% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปีนี้บริษัทจะไม่มีค่าใช้พิเศษเหมือนในไตรมาส 4/61 ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One time)
ปีนี้บริษัทจะเน้นการเพิ่มยอดขายในลูกค้าชาวจีนมากขึ้น และในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 2/62 โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 63 ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งมีแผนเช่าโรงงานเพื่อตั้งฐานการผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ ประเทศเม็กซิโก เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศดังกล่าว โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้ในปี 63
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปี (62-64) จะมีรายได้เติบโตแตะ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกา เป็นต้น โดยปีนี้คาดว่ารายได้จะมาจาก Communication & network สัดส่วน 35-40%, Industrial Control 25% และที่เหลือจะเป็น Audio/Video, Automotive, Clean Energy,Micro Electronics เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปกติในปีนี้ไว้ที่ 500-600 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ และยังมองหาการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดการเติบโตของบริษัททั้งในทวีปยุโรป และอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามงบลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้รวมในงบลงทุนที่วางไว้ ซึ่งหากมีการทำรายการเกิดขึ้น บริษัทก็ถือว่ามีกระแสเงินสดเพียงพอ
ส่วนโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 1,200 ล้านบาท จำนวน 150 ล้านหุ้น จะเริ่มซื้อหุ้นคืนระหว่างวันที่ 17 เม.ย.-16 ต.ค.62 โดยมองราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม (Under Value) ทำให้เป็นโอกาสในการเข้าสะสม