บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนของ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ในการเข้าซื้อกิจการ Murphy Oil Corporation (อันดับเครดิต BB+/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ในประเทศมาเลเซียจะช่วยเพิ่มสถานะปริมาณสำรองและการผลิตปิโตรเลียมให้กับบริษัทฯในทันที ในมุมมองของฟิทช์ แผนการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ พร้อมกับการชนะการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชและเอราวัณจะแก้ไขปัญหาการลดลงของปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วของ ปตท.สผ. ที่ลดลงในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาและช่วยเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วต่อการผลิต
ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ บมจ.ปตท. (PTT) (อันดับเครดิต BBB+/AAA(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ฟิทช์คาดว่าสถานะทางการเงินของ ปตท. จะยังคงแข็งแกร่งและเหมาะสมกับอันดับเครดิตปัจจุบัน ถึงแม้ฟิทช์คาดการว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากแผนการเข้าซื้อกิจการนี้ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ ปตท. ที่คำนวณจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) จะเพิ่มขึ้นไปที่ประมาณ 1.2 เท่าในปี 2562 จาก 0.7 เท่าในปี 2561
นอกจากนี้ ปตท.สผ. มีเงินสดจำนวนมากประมาณ 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการเข้าซื้อกิจการมูลค่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯนี้ และ ปตท.สผ. มีอัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Debt to EBITDA) ในระดับต่ำที่ 0.6 เท่า ณ สิ้นปี 2561
ปตท.สผ. คาดว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมประมาณ 18% (ค่าเฉลี่ย 5 ปี) จากปริมาณการขายปิโตรเลียมที่ยังไม่รวมการซื้อกิจการครั้งนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 318,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในปี 2562 ปริมาณการขายปิโตรเลียมสุทธิของกิจการ Murphy Oil ที่จะเข้าซื้ออยู่ที่ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในปี 2561
ปตท.สผ. คาดว่าปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วและปริมาณสำรองที่คาดว่าจะพบ (Proved and Probable: 2P) จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,302 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณสำรอง 2P ต่อการผลิตไปเป็น 8.8 ปี จาก 7.8 ปี ในปี 2561 ซึ่งน่าจะช่วยให้ ปตท.สผ. สามารถบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มอายุปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserve: 1P) ต่อการผลิต ไปเป็น 7 ปีจากปัจจุบันที่ 5 ปี ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ฟิทช์คาดว่า ปตท.สผ. จะยังคงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มปริมาณสำรองและกำลังการผลิตของบริษัทฯ
ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Murphy Oil Corporation เพื่อเข้าซื้อหุ้นจำนวน 100% ของ 2 บริษัทย่อยของ Murphy Oil Corporation ในประเทศมาเลเซียในราคา 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาจจะมีการชำระเงินเพิ่มขึ้นแต่ไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับผลของการขุดเจาะสำรวจในอนาคต บริษัทย่อยทั้ง 2 นี้ถือสัมปทานอยู่ทั้งหมด 5 โครงการ; แบ่งเป็น โครงการในระยะผลิต 2 โครงการ โครงการในระยะการพัฒนา 1 โครงการ และโครงการในระยะสำรวจอีก 2 โครงการ
สำหรับโครงการในระยะการพัฒนานั้น การผลิตครั้งแรกคาดว่าจะเริ่มขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2563 และจะขยายกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจนถึงการผลิตเป้าหมายที่ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยปริมาณยอดขายสุทธิสำหรับ ปตท.สผ. คาดว่าจะอยู่ที่ 130 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน นอกจากนี้โครงการเหล่านี้เมื่อเริ่มการผลิตตามแผนแล้วจะมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ