บล.เออีซี (AEC) ประเมินการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์นี้มีความผันผวนสูง มีแนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด โดยติดตามการจัดตั้งรัฐบาลผสมอย่างใกล้ชิด ซึ่งสัดส่วนจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน จะบ่งชี้ถึงความเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังคือความเสี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 62 โตลดลงเหลือ 3.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.0%
ส่วนปัจจัยต่างประเทศตลาดยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อภาพระยะสั้นของตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งคาดจะยังถูกกดดันด้วยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก จากผลกระทบของสงครามการค้าที่ส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริงอย่างชัดเจนมากขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลขดัชนีผู้ผลิตในยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ที่ประกาศในสัปดาห์ก่อนออกมาแย่กว่าคาด สอดคล้องกับการปรับประมาณการเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจบการประชุมนโยบายการเงินรอบที่ผ่านมา
อีกทั้งในตลาดตราสารหนี้ยังมีสัญญาณ Inverted Yield Curve ซึ่งเป็น Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 3 เดือน สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่มักเป็นสัญญาณต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ในระยะยาวยังคงมุมมองเป็นบวก เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ถูกผูกอยู่กับการเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งหากการพูดคุยระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้นแบบที่ผ่านมา และทางจีนยอมเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รวมทั้งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างตามที่สหรัฐฯ ร้องขอ คาดส่งผลให้ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกทยอยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ
โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด จากการส่งออกสินค้าไปยังจีนที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งปัจจุบันค่าเงินหยวนเทียบดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 2.3% และในสัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตามการประชุมระหว่างผู้นำด้านการค้าของสหรัฐฯ-จีนที่จะมีขึ้นในจีนเพื่อทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมสุดยอดผู้นำของทั้งสองฝ่ายในเดือน เม.ย.
ดังนั้น มอง SET Index มีความผันผวนสูง หากดัชนีย่อเป็นโอกาสเข้าซื้อ 3 กลุ่มหุ้นเด่น ดังนี้ กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง กลุ่มค้าปลีก ซึ่งมองได้อานิสงส์บวกจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคการเมืองหลักทั้ง 4 นำมาใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของค่าแรงขั้นต่ำใหม่สูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 330 บาทต่อวัน ราว 25-26.9% คาดหนุนกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าให้ปรับตัวดีขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ CPALL, AEONTS
รองลงมากลุ่มท่องเที่ยว เมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง คาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ AAV, AOT, PLAT และกลุ่มสื่อ คาดเอเจนซี่ จะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยแนะนำ RS, BEC และกลุ่ม Out of Home แนะนำ VGI
นอกจากนี้เลือกหุ้นที่ Turnaround Stock โดยเลือกหุ้นที่กำไรปี 62 ฟื้นตัวโดดเด่นในปี 62 เลือก TKS, TWPC, รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาล มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง