นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะเข้าประมูลงานใหญ่ 3-4 โครงการ มูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท ทำให้ภาพรวมครึ่งปีแรกนี้บริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ที่ราว 5.9 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องในปีนี้
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในปี 62 จะให้ความสำคัญและจะขยายไปในธุรกิจหลัก 3 ลักษณะงาน คือ 1.สมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) เป็นบริการโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรและธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการกลุ่มลูกค้าภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งกลางปีนี้จะขยายการให้บริการเต็มรูปแบบ และรุกเข้าไปสู่กลุ่มลูกค้าภาคเอกชน อาทิ กลุ่มห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงงานขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
2.ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสื่อสารออนไลน์ในรูปแบบ Mobile Application ในโครงการจัดทำ Digital Platform ตามนโยบาย AOT 4.0 ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวและเริ่มใช้งานระบบได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นงานได้สิทธิในการประกอบกิจการ ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากโครงการนี้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมนำเสนอโครงการทำ Digital Platform กับหน่วยงานภาครัฐอื่นอีกด้วยซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้
3.วิทยุสื่อสารดิจิทัล (Radio Trunk) โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ชนะการเสนอราคาและได้ดำเนินการลงนามในสัญญาโครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัล ระยะที่ 2 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะจัดหาโครงข่ายระบบวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัลที่มีความปลอดภัยสูงพร้อมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของระบบวิทยุสื่อสารให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีมูลค่าโครงการ 4.34 พันล้านบาท
"สำหรับแผนธุรกิจที่จะเดินหน้าในปี 62 นี้หลักๆ จะเน้นไปที่ 3 ส่วนงาน คือ Smart Security Digital Platform และ Radio Trunk ซึ่งงานทั้ง 3 ส่วนบริษัทได้ดำเนินการไปแล้ว และบางส่วนเตรียมที่จะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมั่นใจว่าทั้ง 3 ส่วนงานดังกล่าวจะผลักดันให้บริษัทมีผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทเองมีฐานลูกค้าในส่วนของภาครัฐประมาณ 80% ที่เหลืออีก 20% ของภาคเอกชน ซึ่งในส่วนภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญกับการเพิ่มงบประมาณด้านไอทีเพราะต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ให้มีความมั่นคงปลอดภัยให้กับองค์กรของตัวเอง"นายสิทธิเดช กล่าว