ด้านนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า แนวโน้มยอดจองและยอดขายโครงการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/62 น่าจะปรับตัวลง โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.62 เป็นไปตามโลว์ซีซั่นที่จะมีทั้งวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ และวันสำคัญต่าง ๆ ตลอดจนรับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. ทำให้ยอดจองก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นสูง อย่างไรก็ตาม มองว่าทิศทางน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงเดือนพ.ค.เป็นต้นไป
บริษัทตั้งเป้ายอดขายแนวราบในปีนี้จะเติบโตได้ 10% โดยในไตรมาส 1/62 ยอดจองโครงแนวราบ หรือบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ เติบโตถึง 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 เป็นผลมาจากการเร่งระบายสต็อกเหลือขาย และมาตรการ LTV ของธปท. ทำให้มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเพิ่มขึ้นก่อนถึงกำหนดบังคับใช้ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่ในช่วงดังกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้วยังไม่พบการชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ เห็นได้จากพันธมิตรร่วมทุนชาวญี่ปุ่นที่ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด โดย AP ถือหุ้น 51% และ Mitsubishi Estate ถือหุ้น 49% มีแผนจะใส่เงินทุนจดทะเบียนเป็น 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ราว 9,000 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนของบริษัทก็มีการพิจารณาการลงทุนทั้งการซื้อที่ดิน และการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าควบคุมหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้เกิน 1 เท่า
ส่วนการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชน ก่อนการเลือกตั้งถือว่าปรับตัวดีขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากหลายคนคงรอความชัดเจนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลอยู่