นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยสัปดาห์แรก (1-5 เม.ย.) ของเดือน เม.ย. ในกรอบ 1,620-1,660 จุด แต่แรงซื้ออาจจะยังไม่มาก เนื่องจากยังมีความไม่ชัดเจนทางการเมือง แม้จะมีปัจจัยบวกจากสถานการณ์ต่างประเทศ โดยการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งตัวแทนสองฝ่ายกำลังเตรียมรายละเอียดของข้อตกลงการค้าระหว่างกัน โดยสัปดาห์นี้ตัวแทนของประเทศจีนจะเดินทางไปพบกับตัวแทนของสหรัฐฯ ประเด็นนี้จึงเป็นบวกต่อตลาดหุ้นหลังจากก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯและหลายประเทศจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีแนวโน้มที่ดีตามทิศทางตลาดหุ้นที่คลายความกังวลลง ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมันในระดับต่ำ อยู่ที่ 30.5 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี แต่เป็นผลบวกต่อผู้ผลิตน้ำมันและปิโตรเคมีขั้นต้น
ส่วนประเด็นต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้คือ การพิจารณาของรัฐสภาอังกฤษ เพื่อหาทางออกในเรื่องการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันจันทร์นี้ รวมไปถึงการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในวันศุกร์
สำหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ เรื่องของการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ากลุ่มใดจะตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งอาจต้องใช้รอเวลาไปอีกระยะหนึ่งอย่างช้าคือช่วงต้นเดือน พ.ค. ถึงจะเริ่มเห็นความชัดเจน ดังนั้น ในช่วงระยะนี้อาจจะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยที่ข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นจะมีผลต่อตลาดหุ้นแบบรายวัน
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจคือการตัดสินใจของดัชนี MSCI ที่จะนำหุ้นของไทย NVDR มาคำนวณเพื่อปรับน้ำหนักลงทุน อาจทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นที่ถูกคาดว่าจะนำเข้าคำนวณดัชนีฯจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ INTUCH, CENTEL , RATCH, DTAC
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ เนื่องด้วยตลาดที่มีน้ำหนักในทางบวกจากปัจจัยต่างประเทศแต่แรงซื้อจะยังจำกัดจากประเด็นการเมืองของไทย KTBST แนะนำให้เน้นไปที่หุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่เคลื่อนไหวตามตัวแปรต่างประเทศ (Global Play) และหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรที่ดี เช่น PTTEP , CPN , BDMS , EA , KTB, SAMART