นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)กล่าวถึงกรณีที่ ขสมก.ได้แจ้งยกเลิกสัญญา บมจ.ช ทวี (CHO) ในโครงการให้เช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ E-Ticket และ Cash-Box บนรถโดยสารประจำทางจำนวน 2,600 คันว่า สัปดาห์ที่แล้วทาง CHO ได้ทำหนังสือขออุทธรณ์มาถึงคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก.ซึ่ง ฝ่ายบริหารขสมก.อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการในวันที่ 22 เม.ย.นี้
ดังนั้น ในระหว่างนี้ ขสมก.ยังไม่สามารถเปิดประมูลระบบ E-Ticket ใหม่ได้ อย่างไรก็ตา คาดว่าการยกเลิกสัญญากับ CHO น่าจะใช้เวลาไม่นานจะได้ข้อยุติ
นายประยูร กล่าวว่า การยกเลิกสัญญากับ CHO นั้น ขสมก.ได้พิจารณาจากกรณีที่คณะกรรมการตรวจรับรายงานยืนยันว่าระบบหลังบ้านทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้ใช้งานไม่ได้ ซึ่งตัว E-Ticket ติดตั้งครบ 2,600 คัน ส่วน Cash-Box ติดตั้ง 100 คัน โดย ขสมก.สั่งระงับหลังจากพบมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ตาม TOR กำหนด และจากการทดลองใช้พบว่าการทอนเงิน การเก็บ การคำนวน มีปัญหาใช้เวลานานมาก
"เราคิดว่ามีเหตุผลเพียงพอที่ยกเลิกสัญญา แต่ต้องดูประเด็นที่ ช ทวี อุทธรณ์มาด้วย ว่ามีอย่างไรบ้าง ซึ่งบอร์ดจะมีการพิจารณาต่อไป"นายประยูร กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการจัดหารถโดยสารใหม่เพิ่มเติมนั้น นายประยูร กล่าวว่า จะต้องรอแผนฟื้นฟูแผนฟื้นฟู ขสมก.ก่อน โดยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งรอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฎิรูปเส้นทางรถเมล์มาประกอบการพิจารณา หาก ครม.เห็นชอบแผนฟื้นฟู ขสมก.ก็จะสามารถเดินหน้าแผนจัดหารถโดยสารใหม่ได้ทันที จำนวน 2,694 คัน มีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 12,093 ล้านบาท ได้แก่ จัดซื้อรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) จำนวน 35 คัน เช่ารถโดยสารใหม่ จำนวน 700 คัน เป็นรถไฮบริด 400 คัน และรถ NGV 300 คัน จัดซื้อรถโดยสารไฮบริด จำนวน 1,453 คัน และปรับปรุงสภาพรถโดยสาร NGV (เดิม) จำนวน 323 คัน