นายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าสถานะทางการเงินของบริษัทมีปัญหาจนทำให้สำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) จับตา โดยยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และที่ผ่านมาก็ได้หารือกับทาง กพท.แล้ว ซึ่งขณะนี้สายการบินนกแอร์ยังดำเนินธุรกิจตามปกติ และเมื่อเดือน ก.พ.บริษัทเพิ่งได้เงินเพิ่มทุน 2.3 พันล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก แม้ว่าจะยังมีขาดทุนสะสมราว 8 พันล้านบาทที่จะต้องรอให้มีกำไรจากการดำเนินงานเข้ามาชดเชยก่อน และปัจจุบันบริษัทก็มีแผนดำเนินการที่มีเป้าหมายหยุดขาดทุนในปีนี้ด้วย
ขณะที่การปรับลดเที่ยวบินในช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการเดินทางน้อยลงก็ได้มีการปรับลดเที่ยวบินบางเที่ยวบินซึ่งเป็นการบริหารจัดการทั่วไป
"ผมก็แปลกใจกับข่าวที่ออกมาแบบนั้น เราเพิ่มทุนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และมีแผนจะหยุดขาดทุนในปีนี้ เรามีแผนเพิ่มรายได้ และปรับลดค่าใช้จ่าย มีการประสานงานกับ Nok Scoot ที่เป็น Lowcost บินไปต่างประเทศ นำนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว นกแอร์ก็บินไปภายในประเทศ"นายประเวช กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายประเวช กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะแผนการลดค่าใช้จ่ายในปีนี้จะต้องมีจำนวนน้อยกว่ารายได้ที่คาดว่าอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ด้วยการปลดเครื่องบินแบบใบพัด ATR จำนวน 2 ลำภายในเดือน เม.ย. เพราะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาต้องมีนักบินสำหรับเครื่องบิน 3 แบบและช่างซ่อมบำรุง 3 ชุดด้วย หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่า หากปลดระวางได้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งทั้งสองเครื่องก็ยกเลิกการเช่าซื้อ แล้วโยกนักบินและช่างไปในเครื่องบินรุ่นอื่น
ปัจจุบัน สายการบินนกแอร์มีฝูงบิน 26 ลำ เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 16 ลำ เครื่องบิน Q400 จำนวน 8 ลำ และ เครื่องบิน ATR จำนวน 2 ลำ
อย่างไรก็ดี เดิมทีนกแอร์ใช้เครื่องบิน ATR เพราะสนามบินบางแห่งไม่สามารถนำเครื่องบินไอพ่นลงจอดได้ แต่ปัจจุบันหลายสนามบินได้มีการปรังปรุงดีขึ้นมาก
นายประเวช กล่าวว่า นกแอร์ยังมีแผนเพิ่มการใช้เครื่องบินจาก 10 ชั่วโมง/วันในปัจจุบันเป็น 12-13 ชั่วโมง/วัน ดังนั้น จึงได้ให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) ไป 6 เมืองในจีนในไตรมาส 1/62 ทำให้จำนวนชั่วโมงบินเพิ่มขึ้น และเตรียมจะทำการบินเช่าเหมาลำไปอินเดีย 2 เมือง รวมทั้งจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำไปเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อทดสอบตลาดก่อนที่จะเปิดเที่ยวบินประจำดอนเมือง-ฮิโรชิมาในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเพิ่มการใช้เครื่องบินในช่วงกลางคืนได้มากขึ้น
"เราตั้งใจในปีนี้จะทำให้ได้เท่าทุนจากที่ผ่านมาเราขาดทุน เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินแต่รายได้ต่ำเกิน"นายประเวช กล่าว