นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ของบมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า จากการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1-4 เม.ย.ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจของบริษัท อีกทั้งยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ และมองเห็นถึงศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าในช่วงที่เปิดเสนอขายหุ้น ALL จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.79% ของจำนวนหุ้นหลังเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ได้ในช่วงปลาย เดือน เม.ย.จะได้กระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือน พ.ค.62
ALL มีความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงินจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 59-61 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม จำนวน 420 ล้านบาท, 714 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 11 ล้านบาท, 81 ล้านบาท และ 343 ล้านบาท ตามลำดับ
จากอัตราการเติบโตของบริษัท แสดงถึงสถานะทางการเงินและการเติบโตของบริษัท ที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 2.72% ในปี 59 เป็น 54.50% ในปี 61 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทอยู่ในระดับที่ดีมาก
"การโรดโชว์ในที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูลบริษัทฯ เป็นจำนวนมากถือเป็นแนวโน้มที่ดี เนื่องจากข้อมูลในเชิงพื้นฐานทางธุรกิจแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากแผนการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS และ MRT และบนทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งมีการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่ใช้สอย พื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี มุ่งเน้นการอยู่อาศัยได้จริง ในราคาที่จับต้องได้"นายเล็ก กล่าว
นอกจากนี้ ALL ยังพิจารณาโอกาสการลงทุนซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จจากผู้ประกอบการรายย่อย โดยปัจจุบันบริษัทมีการดำเนินโครงการ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในเซกเมนต์ ซึ่งจากการวางกลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้ ALL ก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่วางไว้
ด้านนายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ALL กล่าวว่า ปัจจุบัน ALL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้ จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นหลัก ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต
กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และ อิมเพรสชั่น รวมถึงทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ เดอะ วิชั่น ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทเอง และภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 3 บริษัท คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ - ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise และบริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัด (AG Thonglor) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ย่านทองหล่อ
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ ภายใต้ชื่อ "Rise Venture" ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด (RISE) และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop) ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของ ALL ในการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร แบบ Total Real Estate Solutions ได้มากยิ่งขึ้น
ในปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 2,343 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,978 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 204 ล้านบาท และรายได้อื่น มูลค่า 161 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84%, 9% และ 7% ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จำนวน 11 โครงการ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.61 มูลค่าประมาณ 6,354 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป
อีกทั้งยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเล ทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (Impression Ekkamai) โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ (Low Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเลลาดพร้าว 62, 20 มิถุนาแยก 5 และลาซาล 83
การสยายปีกต่อยอดธุรกิจจากการเตรียมเสนอขาย IPO และจดทะเบียนในตลาด mai ในเร็วๆ นี้จะทำให้บริษัทสามารถก้าวขีดจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั้นให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้า และสถาบันการเงิน เพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ในอนาคต ตามนโยบายของ ALL ที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งจะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริษัท