นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) เปิดเผยว่า บริษัทรุกหนักตามกลยุทธ์ใหม่ "Smart Integrated Strategy" รองรับการขยายธุรกิจ เร่งเครื่องสร้างการเติบโตแบบเต็มสูบ เผยเทรนด์การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit แห่งอนาคต ซึ่งจะมีความแตกต่างจากอาคารในรูปแบบเดิม ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้ผสมผสานระหว่างส่วนอุตสาหกรรม การปรับใช้เทคโนโลยี รวมถึงสร้างสรรค์พื้นที่ทำงานส่วนกลางและส่วนที่เป็นไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่
พร้อมทั้ง นำเสนอบริการที่ครอบคลุมและโซลูชั่นที่ทันสมัยครบวงจร ดึงจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอาคารที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานระดับสากล และความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric Solution) เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบ Built-to-Suit แห่งอนาคต พร้อมสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะที่ตั้งเป้ารุกขยายพื้นที่ให้บริการภายในรอบปีงบประมาณ 2562 ไม่ต่ำกว่า 120,000 ตารางเมตร เผยเตรียมประกาศข่าวดี ปิดดีลบริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ และยังมีลูกค้าในไปป์ไลน์จ่อเข้ามาใช้บริการอีกจำนวนมาก
นายโสภณ กล่าวว่า กลยุทธ์ "Smart Integrated Strategy"ดังกล่าวประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) Collaborative Network การผสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายอันแข็งแกร่งของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และจากพันธมิตรทางธุรกิจ 2) Product and Service Innovation การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยเต็มไปด้วยนวัตกรรม โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ 3) Experience Creator การมุ่งสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้กับทั้งลูกค้าพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาแนวการดำเนินงานใหม่ที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric Solution) ที่มุ่งเน้นตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อนำเสนอบริการและโซลูชั่นที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดจนความพึงพอใจของลูกค้า
สำหรับการรุกตลาดโรงงานและคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit นางสาวแซลลี่ เธ่ห์ ชิว ฮาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ FPT กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit คือการเข้าใจธุรกิจและกระบวนการทำงานของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถเชิงลึกในการช่วยส่งเสริมธุรกิจและตอบสนองความต้องการสำหรับการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ด้วยการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit
ขณะเดียวกันแนวการดำเนินงานของเราที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric Solution) ประกอบกับความเข้าใจความคาดหวังของลูกค้าจะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจพิจารณาได้อย่างทันท่วงที และยังช่วยลดขั้นตอนในการเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานระหว่างผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์กับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอีกด้วย พร้อมกันนี้ ด้วยบริการที่ครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา การประเมินความต้องการของลูกค้า การกำหนดแผนพัฒนาอาคารในระยาว การวิเคราะห์การเติบโตเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าในอนาคต การออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง ลูกค้าจึงมั่นใจให้บริษัทฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแห่งอนาคตที่สามารถสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ผู้ใช้อาคาร
พร้อมตั้งเป้ารุกขยายพื้นที่ให้บริการภายในรอบปีงบประมาณ 62 ไม่ต่ำกว่า 120,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้าที่เช่าโรงงานและคลังแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 500,000 ตารางเมตร โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจโลจิสติกส์ อาทิ ดีเอชแอล (DHL), สยามแม็คโคร (Siam Makro), ลินฟ้อกซ์ (Linfox), แอมเวย์ (Amway), เซ็นทรัล วัตสัน (Central Watson), ฟอร์ด (Ford), ลอรีอัล (Loreal), เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท (Central Family Mart), ไดกิ้น (Daikin)
และปัจจุบัน มีลูกค้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายราย โดยเป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอิเล็กซ์ทรอนิกส์