ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กนลท.วิตกแนวโน้มศก. ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 37.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 31, 2008 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) แม้ธนาคากลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีก 0.50% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดปิดในแดนลบมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ที่ร่วงลงอย่างหนัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 37.47 จุด หรือ 0.30% แตะระดับ 12,442.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 6.49 จุด หรือ 0.48% แตะระดับ 1,355.81 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 9.06 จุด หรือ 0.38% แตะระดับ 2,349.00 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.64 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวันอังคารที่ 4.07 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
นายแอนโทนี คอนรอย์ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย คอนเวิร์จเอ็กซ์ กล่าวว่า "การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบแม้เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนักลงทุนจำนวนมากต้องการเทขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และไม่ต้องการเข้าลงทุนมากนักในช่วงที่เศรษฐกิจยังไร้ทิศทางเช่นนี้"
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 4 ของปี 2550 ขยายตัวขึ้นเพียง 0.6% ต่อปี ลดลงอย่างหนักจากระดับ 4.9% ในช่วงไตรมาส 3
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.0% และลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.50% สู่ระดับ 3.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ตลาดการเงินยังคงมีความตึงเครียด และการปล่อยวงเงินสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยซบเซาลงอย่างมาก และตลาดแรงงานก็ชะลอตัวลง"
"เฟดเชื่อว่าการดำเนินนโยบายในวันนี้ ประกอบกับการดำเนินนโยบายก่อนหน้านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตปานกลาง และจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญช่วงขาลงยังคงมีอยู่ ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลางในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้" แถลงการณ์ของเฟดระบุ
นายโทมัส เจ ลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานและด้านการผลิตในวันศุกร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูว่ามาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 1.46 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จะผ่านมติเห็นชอบจากสภาคองเกรสในวันที่ 15 ก.พ.นี้หรือไม่
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายชาร์ลส แกสปาริโน ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ CNBC ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า บริษัทประกันหุ้นกู้รายใหญ่ที่สุด 2 แห่งของสหรัฐจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มประกันดิ่งลง โดยหุ้นเอ็มพีไอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันด้านการจำนอง ร่วงลง 3.4% หุ้นแบล็คสโตน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทกองทุนเอกชน ปรับตัวลง 1.8% และหุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ร่วงลง 4.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ