นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศวิสัยทัศน์ปี 51 ว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนไปที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัว และมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดี ได้แก่ จีน อินเดีย เวียดนาม และรัสเซีย เป็นต้น
ในส่วนธุรกิจในต่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์มั่นใจว่ายังเต็มไปด้วยโอกาส โดยเฉพาะธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ผลิตพลังงานของมนุษย์ ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความพร้อมทั้งธุรกิจสัตว์บกและสัตว์น้ำ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีทันสมัยและความสำเร็จในการพัฒนาสายพันธุ์
ล่าสุด รัฐบาลจีนได้อนุมัติให้เครือฯสามารถนำสุกรพันธุ์เข้าไปในจีนได้ เช่นเดียวกับในรัสเซียที่เครือซีพีกำลังเข้าไปลงทุนทำธุรกิจสุกรครบวงจร ก็ได้อนุญาตให้นำสุกรพันธ์ของเครือซีพีเข้าไปในรัสเซียได้เช่นกัน
ขณะที่ในประเทศ นายธนินท์ เชื่อว่า จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มจากสหรัฐมากนัก และยังสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยใช้สินค้าเกษตรเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันสินค้าเกษตรมีความสำคัญยิ่งสามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนน้ำมันได้ ได้แก่ ปาล์ม อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง
นายธนินท์ เรียกร้องให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรสำคัญ โดยเฉพาะข้าวและยางพารา และเสนอยุทธศาสตร์เปลี่ยนคู่แข่งในสนามการค้ามาเป็นพันธมิตร ด้วยการรวมพลังกันกับประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรกำหนดราคาขายสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น เหมือนกับที่กลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันรวมตัวกันกำหนดราคาขายน้ำมันในตลาดโลก ก็จะทำให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นและมีค่าเทียบเท่าน้ำมัน เกษตรกรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะมีรายได้ดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นตามไปด้วย
"เครือเจริญโภคภัณฑ์ เชื่อว่ายังมีโอกาสเปิดให้ซี.พี.ทำธุรกิจอีกมากมาย หากสามารถสร้างคนเก่งได้ตามที่ประกาศวิสัยทัศน์ไว้ ก็มั่นใจว่าซี.พี.จะสามารถก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำของโลกได้อย่างแน่นอน"นายธนินท์ กล่าวในการแสดงวิสัยทัศน์ ประจำปี 51
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--