น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังเทศกาลวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ตอบรับปัจจัยบวกแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 1/62 ขยายตัว 6.4% เท่ากับไตรมาส 4/61 และรายได้ด้านการคลังขยายตัว 6.2% ขณะรายจ่ายด้านการคลังพุ่งขึ้น 15% รายได้หลังหักภาษีต่อหัว เพิ่มขึ้น 6.8% การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 11.8% และการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6.5%
ทั้งนี้ การใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ช่วยแก้ปัญหาการประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัลและกิจการโทรคมนาคม เปิดทางให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลคืนใบอนุญาตได้ และยืดระยะเวลาการชำระหนี้ค่าคลื่นของผู้ประกอบการ ซึ่งส่งผลบวกกับผู้ประกอบการ รวมทั้ง MSCI เตรียมปรับเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยมีผลในเดือน พ.ค.ทำให้น้ำหนักลงทุนเพิ่มเป็น 3% จากเดิม 2.5%
อย่างไรก็ตาม คงมีปัจจัยกดดันภาวะตลาดเป็นระยะ อาทิ กรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการ GDP โลกปี 62 เหลือ 3.3% จากประมาณการเดิม 3.5% รวมทั้งทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมทบทวนประมาณการทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จากประมาณเดิมที่ระดับ 4% จากประเด็นความเสี่ยงเรื่องการส่งออกที่เติบโตไม่มากจากปีก่อนหน้า และการปรับลดคาดการณ์ GDP โลกและการค้าโลกของ IMF และปัจจัยการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอนและชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล
อีกทั้งแนะจับตาปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการลงทุนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า โดยในวันที่ 17-19 เม.ย.หุ้นกลุ่มธนาคารรายงานงบการเงินงวดไตรมาส 1/62, วันที่ 18 เม.ย. สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น-ภาคบริการเบื้องต้นเดือน เม.ย. และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือน เม.ย. ยอดค้าปลีกเดือน มี.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น - ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ.
ส่วนวันที่ 22 เม.ย. สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. และ วันที่ 23 เม.ย. สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือน ก.พ. ยอดขายบ้านใหม่เดือน มี.ค. และดัชนีการผลิตเดือน เม.ย. ทางอียูก็จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. และในวันดังกล่าวการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ประกาศผลการประกวดราคาโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังจากช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์มีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่กว้างขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-จีนที่ออกมาดี แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากปัจจัยการเมืองที่ยังไม่แน่นอนหรือชัดเจน โดยคาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,655-1,680 จุด
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ในหุ้นที่คาดว่า MSCI มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน เช่น SCC, EGCO, CPN, LH, TU, BANPU, BH, BBL, BDMS และ KBANK และหุ้นกลุ่มธนาคารให้น้ำหนักลงทุน Neutral แนะนำลงทุนหุ้นที่มี yield สูง ได้แก่ KKP yield 7.1% และ TISCO yield 6.6%
นอกจากนี้ บล.โกลเบล็ก แนะนำ "ซื้อ"JKN ราคาเหมาะสม 10 บาท แม้ปรับคาดการณ์กำไรปี 61 ลดลง 12% แต่ยังเติบโตสูง 32% จากปีก่อน หุ้น PREB ราคาเหมาะสม 12.18 บาท ถือเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ yield เฉลี่ย 7-8% ต่อปีตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คาดกำไรปี 62 เติบโตราว 29%จากปีก่อน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลกยังคงให้ความสำคัญกับความคืบหน้าเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯส่งผลบวกต่อภาพรวมการลงทุน อีกทั้งการที่อียูยืดเวลาเส้นตายข้อตกลงที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกอียู (Brexit) ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำอ่อนตัวหลุดกรอบ descending triangle ลงมา เกิดเป็นสัญญาณขาย ซึ่งถ้าหากไม่สามารถรีบาวด์กลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ ที่หลุดลงมาได้ จะเกิดสัญญาณขายซ้ำ และมีโอกาสจะปรับตัวลงต่อเนื่องจนถึงช่วง 1,215–1,235 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามเป้าหมายทางเทคนิค
ส่วนทิศทางค่าเงินบาทยังคงอยู่ในกรอบ 31.7–32.0 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาทองคำในประเทศ จึงแนะนำให้เปิดสถานะ short แล้วถือเพื่อเล่นรอบ แต่ถ้าราคาดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ให้ stop loss ฝั่ง short แล้วปรับมาเล่น swing trade ระหว่าง 1,280–1,300 ดอลลาร์/ออนซ์