(เพิ่มเติม) ส.นักวิเคราะห์ลดคาดการณ์ดัชนี SET ปี 51 เหลือ 958 จุด ต่ำสุด 669 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 31, 2008 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรับลดคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index)ในปลายปี 51 ที่สำรวจครั้งใหม่ลงมาอยู่ที่ 958 จุด จากเดิมที่เคยคาดไว้เมื่อเดือน พ.ย.50 ที่ 1,030 จุด พร้อมคาดว่าจุดต่ำสุดในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 669 จุด ภายใต้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ 4.8% ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ย 18.9%  แนะลงทุนในกลุ่ม ธนาคาร พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ที่มองว่าดัชนีหุ้นจะต่ำสุด 669 จุดในช่วงครึ่งปีแรก เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นผันนผวนรุนแรง แม้ว่าปัญหาซับไพร์มไม่ได้กระทบกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยโดยตรง เนื่องจากไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเพียง 15% แต่กระแสเคลื่อนย้ายเงินทุนที่มาจากผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว
แต่ในแง่บริษัทจดทะเบียนยังเติบโตที่ดี โดยนักวิเคราะห์มองว่า กลุ่มที่เติบโตมากคือ ธนาคารพาณิชย์ เพราะในปีก่อนมีการตั้งสำรองสูงเกินคาดไว้แล้ว ดังนั้น การสำรองปีนี้จะไม่มาก
การที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประกาศลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าน่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐได้ ขณะที่นักลงทุนมองว่าเฟดยังสามารถลดดอกเบี้ยลงได้อีกจนเหลือ 2% หรือต่ำกว่านั้น จากปัจจุบันที่ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 3% เพราะเฟดเคยลดดอกเบี้ยลงอย่างหนัก เหลือเพียง 1%ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวปี 2000-2003
อย่างไรก็ตาม มาตรการดอกเบี้ยอย่างเดียวคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐได้ทั้งหมด แต่จะต้องมีมาตรการการคลังเข้ามาเสริมด้วย เพราะขณะนี้ปัญหาค่อนข้างหนักมาก
"มาตรการดอกเบี้ยอาจจะทำได้ในช่วงต้นๆ เพราะจะช่วยดึงให้ดอกเบี้ยในระบบลดลง ทำให้ภาระลูกหนี้และนักธุรกิจต่างๆลดลง เป็นการบรรเทาภาร แต่การจะทำให้ปัยหาจบจริงคือ การทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งการคืนภาษีของรัฐบาลสหรัฐก็เป็นมาตรการหนึ่งในการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน"นายสมบัติกล่าว
สำหรับดอกเบี้ยในประเทศ นายสมบัติ กล่าวว่า นักลงทุนคงคาดการณ์กันต่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อาจจะปรับลดอกเบี้ยลงตาม เพราะขณะนี้ถือว่าดอกเบี้ยอาร์พี 1 วันอยู่ที่ 3.25% ถือว่ามีส่วนต่างกับสหรัฐมาก แต่การลดดอกเบี้ยของไทยอาจจะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งหน้าหรือครั้งต่อไปอาจจะปรับลงแค่ 0.25% เท่านั้น ซึ่งหากส่วนต่างของดอกเบี้ยมีมากก็อาจทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในไทยและจะกระทบต่อค่าเงินที่จะแข็งขึ้นด้วย
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า เงินทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้น ขณะนี้เชื่อว่ายังไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ แต่เป็นการย้ายเข้าไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้แทน โดยจะเห็นจากการที่ผลตอบแทน(Yield Curve)ที่ลดลง ทำให้ตลาดตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ดี และขณะนี้ Yield Curve ยังไม่ถึงจุดต่ำสุด หากจะพิจารณาจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยยังอยู่ที่ 2.1% จากที่เคยลงไปต่ำสุดที่ 1% เท่ากับดอกเบี้ยเฟดที่เคยต่ำสุด 1% ในปี 2003

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ