(เพิ่มเติม) "ชนะชัย"ปรับโครงสร้าง ประกาศนำ EMC สยายปีกงานวิศวกรรมก่อสร้างใน-ตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 31, 2008 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          "ชนะชัย ลีนะบรรจง"ประธาน บมจ.อีเอ็มซี(EMC) ดึงเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะ จุฬาฯนั่งเอ็มดีใหม่ พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารภายใน วางเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจงานด้านวิศวกรรมการก่อสร้างภายใน 1-2 ปีข้างหน้า เน้นงานใหม่ด้านวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม มุ่งหน้ารับงานต่างประเทศปีนี้เดินเข้าตะวันออกกลาง พร้อมขยายงานในอินโดจีน ขณะที่งานในประเทศเตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง จับมือพันธมิตรต่างชาติรอลุ้นประมูลรถไฟฟ้าบางเส้นทาง 
"การปรับโครงสร้างด้านการบริหารและการจัดการใหม่ เรียกได้ว่าครบเครื่องกว่าเดิม โดยในปีนี้เราเน้นเรื่องงานวิศวกรรมก่อสร้างและงานด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น จะทำให้เราค่อนข้างสมบูรณ์ในเรื่องการให้บริการ และส่งผลให้รายได้และกำไรของเรามีแนวโน้มที่เติบโตเพิ่มขึ้น"นายเชิดศักดิ์ วิทูราภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EMC กล่าว
EMC ตั้งเป้าหมายปี 51 มีรายได้ 2.9-3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 50 ที่คาดว่ารายได้จะมีอัตราเติบโต 25-30% จาก 2.35 ล้านบาทในปี 49 ขณะที่ในด้านกำไรจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8-10% ซึ่งชะลอลงจากปี 50 ที่คาดว่ากำไรจะเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีก่อนหน้า โดยในปีนี้บริษัทรุกธุรกิจใหม่ คือ สายงานด้านวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับธุรกิจด้านนี้ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น โครงสร้างการบริหารของบริษัทในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 3 สาย ได้แก่ สายงานด้านวิศวกรรมระบบและการสื่อสาร, สายงานด้านวิศวกรรมทั่วไป และ สายงานด้านวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม ขณะที่รายได้จากสายงานต่างๆ จะเป็น 55%, 42% และ 3%ตามลำดับ จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 75% สายงานด้านวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาปริมาณงานในมือ(backlog)ให้อยู่ในระดับ 2.2-2.5 พันล้านบาทภ่ายในสิ้นปี 51 จาก ณ สิ้นปี 50 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายเข้าร่วมประมูลงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และหวังว่าจะได้งานเข้ามาราว 10-15% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล
ด้านนายชนะชัย ลีนะบรรจง ปประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMC กล่าวว่า บริษัทยึดหลักรับงานใหม่ที่จะต้องมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 8-10% โดยขณะนี้มีงานบางงานอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองค่าก่อสร้าง เนื่องจากวัสดุก่อสร้างอยู่ในช่วงปรับราคาขึ้น นอกจากนั้น บริษัทยังหันไปให้ความสำคัญกับการประมูลงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้นทั้งในอินโดจีน และตะวันออกกลาง
ขณะนี้ EMC อยู่ระหว่างการศึกษารับงานก่อสร้างโครงการในตะวันออกลาง โดยคาดว่าปีนี้จะเข้าร่วมประมูลงานได้ เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนใหญ่ของโลกในระยะต่อจากนี้จะเทไปที่ตะวันออกกลางราว 80% หลังจากจีนผ่านการเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ซึ่งบริษัทก็จะไปด้วยเช่นกัน
นายชนะชัย กล่าวว่า บริษัทยังสนใจขยายการรับงานในเวียดนาม กัมพูชา และลาว โดยขณะนี้ EMC ร่วมกับบริษัท หาดใหญ่ พีเอสเอ็น สัดส่วน 60:40 เข้าไปเสนอราคารับงานสร้างถนนในลาว เป็นโครงการภายใต้ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) มูลค่างาน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะรู้ผลในปลายไตรมาส 1/51 ซึ่งงานนี้มีคู่แข่งจากประเทศไทย 4 ราย จากต่างประเทศอีก 4-5 ราย
และในกัมพูชา บริษัทได้ยื่นเสนอราคางานก่อสร้างของภาคเอกชน 3 งาน โครงการแรกเป็นโครงการโรงแรมและรีสอร์ทที่พนมเปญ มูลค่า 2.5-2.6 พันล้านบาท, โครงการคาสิโน ที่โอเสม็ด มูลค่า 100 ล้านบาท และโรงงานน้ำตาลเกาะกง 1 พันล้านบาท ซึ่งทั้งสามโครงการอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองกัน
"เราคิดว่าเราจะโตในปีนี้ 10-15% ตอนนี้เรามีงานในมือแล้ว 2.5 พันล้านบาท เรายังเหลือเวลาอีก 11 เดือน ที่จะทำเพิ่มอีก 700-800 ล้านบาท ก็จะถึงเป้าหมาย คิดว่าถ้าได้งานต่างประเทศมา ก็จะเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้"นายชนะชัย กล่าว
สำหรับงานในประเทศ นายชนะชัย มองว่า ปีนี้น่าจะมีการเติบโตสูงจากปีก่อนที่ชะลอตัว เนื่องจากรัฐบาลใหม่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะมีการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทก็เตรียมพร้อมเจจากับพันธมิตรต่างประเทศไว้แล้วเพื่อเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าบางเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ในการทำกำไร และมองว่า EMC ก็ไม่ใช่บริษัทรับเหมาขนาดที่จะสามารถเป็นแกนนำในการประมูล จึงมองเมกะโปรเจ็คตส์มีความสำคัญในอันดับรองลงมา
นายชนะชัย กล่าวว่า ปัจจุบันเงินทุนของบริษัทยังเพียงพอต่อการขยายงาน โดยคาดว่าจะมีเงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ EMC-W1 ที่เหลืออยู่ 101.6 ล้านหน่วย กำหนดใช้สิทธิครั้งสุดท้ายในก.ค.-ส.ค.51 ที่ราคา 2 บาท/หน่วย รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แต่หากบริษัทได้งานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่าที่คาด ก็อาจจะใช้แนวทางในการออกวอร์แรนต์อีกครั้ง เพื่อรองรับการขยายงาน นอกจากนั้นบริษัทยังเจรจากับสถาบันการเงินในประเทศอีกหลายแห่งที่จะใช้เป็นฐานเงิน เพราะอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1 เท่ากว่า
ทั้งนี้ งวดปี 50 คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้มากกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ