CPF มั่นใจปีนี้รายได้-กำไรสุทธิดีกว่าปีก่อน รับอานิสงส์โรค AFS ระบาดในเอเชียดันราคาสุกรปรับขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 24, 2019 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 567,820.21 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,531.47 ล้านบาท เนื่องจากมีความต้องการสุกรเพิ่มขึ้น หลังเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : AFS) ระบาดในเอเชีย

โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเดิมมีสุกรทั้งสิ้นจำนวนกว่า 500 ล้านตัว เมื่อเกิดโรคระบาดดังกล่าวก็คาดว่าจะเกิดความเสียหายประมาณ 30% ของจำนวนทั้งหมด โดยจีนถือเป็นประเทศที่มีการบริโภคสุกรเป็นหลัก ทำให้จะต้องมีการนำเข้าสุกรจากต่างประเทศ ในประเทศรอบๆ เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มส่งผลแล้ว และยังส่งผลให้ราคาสุกรเริ่มปรับตัวดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อบริษัท HyLife Investments Ltd. (HIL) ประเทศแคนาดาที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 50.1% เนื่องจากปกติประเทศจีนมีการนำเข้าสุกร 1-1.5 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่มีการนำเข้าในทวีปยุโรปและอเมริกา ทำให้ขณะนี้ราคาสุกรที่อยู่ในยุโรปและอเมริกาสูงขึ้นทันที จากจีนต้องการนำเข้ามากขึ้น ทำให้ส่งผลบวกต่อบริษัทในแคนาดา

ทั้งนี้ CPF มีธุรกิจอาหารสัตว์และอาหารแปรรูปในประเทศจีน คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากคู่ค้าของบริษัทเป็นฟาร์มที่มีมาตรฐานเป็นหลัก ขณะเดียวกันธุรกิจในประเทศไทย ลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บริษัทก็มีการป้องกันที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจไก่ครบวงจร ปัจจุบันประเทศไทยมีโควต้าส่งออกไก่เข้าไปยังสหภาพยุโรปเพียง 1.6 แสนตัน หากมีการส่งไก่เข้าไปเกินจะมีการเสียงภาษีสูงมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ลงนามในสัญญาฯ กับกลุ่มซุปเปอร์ ดรอบ (SuperDrob) ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในประเทศโปแลนด์ และสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมในส่วนนี้ได้ และปัจจุบันผลการดำเนินงานของบริษัทในโปแลนด์ก็มีการปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

ส่วนกระทบจากการที่อังกฤษขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกฎเกณฑ์ใดๆ แต่เชื่อว่าอังกฤษยังต้องมีการนำเข้าไก่อยู่

สำหรับการลงทุนในประเทศแคนาดา ภายหลังจากการเข้าถือหุ้นใน บริษัท HyLife Investments Ltd. (HIL) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากทางรัฐบาลแคนาดา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในข่วง 1-2 เดือนนี้ และหลังจากนั้นจะเริ่มบันทึกงบการดำเนินงาน ทั้งยอดขายและกำไรเข้ามาทันที

อนึ่ง HIL เป็นผู้ประกอบการสุกรครบวงจร และมีผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีการส่งออกสุกรมากกว่า 91% ของพอร์ตรายได้รวม ไปยังกลุ่มประเทศญี่ปุ่น, จีน, สหรัฐฯ และแม็กซิโก เป็นต้น

นายสุขสันต์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีราคาสุกรได้ปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการบริโภคหมูที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีน

"บริษัทยังเน้นการเติบโตทั้งจากต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเรายังคงขับเคลื่อนอยู่ เห็นได้จากการลงทุนไปแล้วในประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งถือเป็นโอกาสของเรา ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็จะเน้นธุรกิจปลายน้ำ คือ การเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งเราจะโตไปทั้งสองทาง โดยวันนี้ CPF มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เราก็มองไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราก็จะยังมีการเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเราอยู่ในพื้นฐานธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารที่เราต้องบริโภค"นายสุขสันต์ กล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 67% และในประเทศ 33% โดยในประเทศแบ่งเป็น การเติบโตจากภายในประเทศไทยเอง 28% และการส่งออก 5% ซึ่งทิศทางจากนี้ไปในอีก 5 ปีข้างหน้า การขับเคลื่อนธุรกิจยังคงมาจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม รัสเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้ยังเป็นตลาดต้นน้ำอยู่ โดยจะมุ่งเน้นในธุรกิจ Feed-Farm-Food ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ขณะที่ประเทศไทยมีการเติบโตของประชากรน้อยลงและมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ก็จะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เช่น อาหารเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ