นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.กล่าวว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Recurring Net Income) ในไตรมาส 1/62 ที่ 374 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 11,847 ล้านบาท ปรับสูงขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปี 61 ที่ 304 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 9,578 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring Items) ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเมื่อเทียบกับ 119 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 394 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ เทียบเท่า 12,479 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7% จาก 423 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 13,381 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/62 ปตท.สผ.มีรายได้รวม 1,428 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 45,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบกับ 1,240 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 39,105 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 319,230 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปี 61 จากความสำเร็จในการซื้อสัดส่วนเพิ่มเติมในโครงการบงกช
ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็น 46.21 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 44.01 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 1/61 ส่งผลให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 943 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเทียบเท่า 29,815 ล้านบาท และมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ 76%
"ปตท.สผ. ได้เดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ "Expand & Execute" ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรุกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้หลายด้าน ทั้งการเข้าไปลงทุนในตะวันออกกลาง โดยการได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง 2 แหล่ง ร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงแห่งหนึ่งของโลก
และการขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญคือการเข้าซื้อกิจการของ เมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายและสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ทันที รวมถึงการได้รับสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2 แปลงนอกชายฝั่งมาเลเซียเช่นกัน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างการเติบโตให้ ปตท.สผ. ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว" นายพงศธร กล่าว
นายพงศธร กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ "Expand & Execute" นั้น ในส่วนของ Expand ปตท.สผ. จะให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง จะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อขยายการลงทุนต่อไป
นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะการเร่งพัฒนาธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ผ่านบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (เออาร์วี) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน
สำหรับด้าน Execute นั้น จะเน้นการเพิ่มปริมาณการผลิตและการสร้างมูลค่าของโครงการปัจจุบัน รวมถึงการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมโดยเร่งรัดกิจกรรมในโครงการซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ และการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในโครงการหลักที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา เช่น โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน นอกจากนี้ จะดำเนินการในแหล่งบงกชและเอราวัณในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ และบริหารต้นทุนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย