นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์หาดในยางเฟส 1 และเฟส 2 มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ถือว่าปิดการขายแล้ว และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 61 คาดว่าจะโอนหมดในปี 63 และยังมีแผนที่จะเปิดโครงการหาดในยาง เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/62 ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนและเริ่มรับรู้รายได้ ในช่วงปี 64 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการหาดในยางเฟส 1 และเฟส 2 ที่มียอดทยอยโอนเข้ามาตั้งแต่ต้นปีนี้ ช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้จากการขาย 518.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 535.93% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 114.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 778.48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 0.26 บาท เพิ่มขึ้นจาก 0.03 บาทในงวดปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 62 จะเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่เปิดในแต่ละหาด ได้รับการตอบรับจากชาวต่างชาติทั่วโลกอย่างดีเยี่ยม รวมถึงชาวไทยในตลาดกลางถึงบน ก็ให้การตอบรับดีเช่นกัน ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกของจังหวัดภูเก็ต ที่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวต่างชาติ และชาวไทยได้อย่างลงตัว เปิดทางให้ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยไม่ต้องเช่า แต่สามารถตีกลับเป็นรายได้จากการเช่า ซึ่งถือเป็นรูปแบบการลงทุนที่คุ้มค่า
ส่วนความคืบหน้าโครงการของบริษัทในส่วนของ หาดราไวย์ ได้แก่ โครงการหาดราไวย์ เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาทแล้วเสร็จและโอนแล้วเกือบ 100% , โครงการหาดราไวย์ เฟส 5 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท เปิดการขายในเดือน พ.ย.61 มียอดขายแล้วประมาณ 20% คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนได้ปี 63
"หลายคนกังวลว่า TITLE ได้รับผลกระทบไหม เกี่ยวกับมาตรการคุมเข้มปล่อยกู้ซื้อบ้านของแบงก์ชาติ บอกเลยเราไม่ได้รับผลกระทบ เพราะลูกค้ากว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน แถมยังวางเงินดาวน์ในสัดส่วนสูง 50-75% ถือเป็นการปิดความเสี่ยงการทิ้งดาวน์ไปได้เลย นี่คือจุดเด่นที่สำคัญของ TITLE ซึ่งต่างจากผู้ประกอบการอสังหาฯทั่วไป" นายศศิพงษ์ กล่าว