นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มบัญชีใหม่ในปีนี้อีก 40,000-50,000 บัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 แสนบัญชีในปัจจุบัน โดยมีบัญชีที่เคลื่อนไหวอยู่ 50% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด และมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 4.64% ซึ่งบริษัทยังคงรักษาค่าคอมมิชชั่นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 0.169% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 0.1% โดยบริษัทไม่ได้แข่งขันด้านค่าคอมมิชชั่นมานานแล้ว แต่บริษัทได้เน้นการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น และมีบริการใหม่ๆให้กับลูกค้าที่ตอบโจทย์
โดยช่วงวันที่ 16-19 พ.ค. ในงาน Money expo เตรียมที่จะเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นใหม่ ชื่อ Trade Master ที่ได้ร่วมพัฒนากับพันธมิตรจากประเทศเกาหลี ที่สามารถประเมินสัญญาณทางเทคนิค คำสั่งซื้อในหลายรูปแบบ และอื่น ๆ เพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถซื้อขายหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเริ่มให้บริการกับผู้ที่มีพอร์ตรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท และมีการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อครั้ง
"เราพยายามที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาช่วยในการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาเราออกมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี และในปีนี้เองเราก็จะออกมาในช่วงงาน Money expo ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วย โดยเรายังคงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ทำให้เราสามารถรักษาค่าคอมมิชชั่นได้ในระดับที่เราต้องการ"นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมที่จะนำ 3-4 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมของตลาด IPO อยู่บ้าง แต่มองว่าขึ้นอยู่กับความพร้อมของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน ซึ่งหากเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดี รวมไปถึงมีทิศทางที่ดี การเสนอขาย IPO ก็คงจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วย
กลยุทธ์การทำหุ้น IPO ก็จะมีการตั้งราคาที่มีส่วนลดราว 20% ของราคาเหมาะสม เพื่อจูงใจในการลงทุน อีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ภาพรวมหุ้น IPO ออกมาได้ดี คือการจัดสรรหุ้นให้เหมาะสม ระหว่างนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน
"หลายๆคนอาจจะมองว่าหุ้น IPO ไม่น่าสนใจเหมือนเมื่อก่อน แต่เรามองว่าไม่เกี่ยว เรามองว่าเป็นผลมาจากภาพรวมของหุ้นแต่ละตัวเหล่านั้นมากกว่า ว่าหุ้นตัวนั้นดีหรือมั้ย ผลประกอบการดีหรือมั้ย การตั้งราคาเองกลยุทธ์ก็เหมือน ๆ กันมีส่วนลด 20% จากราคาเหมาะสม และสุดท้ายที่สำคัญคือการจัดสรรหุ้นให้เหมาะสม เราจึงมองว่ากลยุทธ์เหล่านี้ก็ยังทำให้หุ้น IPO ยังน่าสนใจในการลงทุนอยู่"นายพิเชษฐ กล่าว
กรรมการผู้อำนวยการ BLS กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองว่ายังคงซึมตัวอยู่ และมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะซึมตัวลงมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะในช่วงที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแล้วราว 5% และตลาดใหญ่อื่น ๆ ก็ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว โดยปัจจุบันปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามคือ ความชัดเจนของการเมืองในประเทศไทย และความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตามต่อเนื่องคือ ภาพรวมของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าของสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีน และประเทศสหรัฐ และสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ และสหภาพยุโรป รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ แนะนำกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุนคือ กลุ่มการเงิน เช่าซื้อ และอาหาร โดยมองว่าระดับดัชนีที่ 1,720 จุด เป็นจุดที่เหมาะสมที่จะขายทำกำไร และในระดับที่ 1,650 จุด เป็นจุดที่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อสะสมได้