นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบในลักษณะซึมตัวต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณไปทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และซาอุดิอาระเบีย ในลักษณะที่ราคาน้ำมันได้ขึ้นมาสูงเกินไป ซึ่งเป็นการกดดันให้ทางกลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจึงไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างหุ้น PTT, PTTEP เป็นต้น
อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงทำให้ค่าการกลั่นรีบาวด์ขึ้นมาได้ และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 1/62 ออกมาขยายตัว 3.2% ดีกว่าตลาดฯคาดโต 2.5% ซึ่งก็เป็นสัญญาณบวกให้กับตลาดฯ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.นี้ ส่วนบ้านเราติดตามการประกาศผลประกอบการของ SCC ในวันนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,670 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,543.33 จุด เพิ่มขึ้น 81.25 จุด (+0.31%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,939.88 จุด เพิ่มขึ้น 13.71 จุด (+0.47%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,146.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.72 จุด (+0.34%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 125.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.08 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.06 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันโชวะ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.62) 1,667.15 จุด ลดลง 6.17 จุด (-0.37%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 53.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 เม.ย.62) ปิดที่ 63.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.91 ดอลลาร์ หรือ 2.90%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.62) ที่ 3.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.91 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค จากดอลล์อ่อนหลังบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ลดลง แม้ GDP Q1/62 ออกมาดี
- "แบงก์ชาติ" เกาะติดมาตรการ "แอลทีวี" หลังเริ่มใช้มาแล้ว 1 เดือน พบมีลูกค้าบางส่วนทิ้งดาวน์ ย้ำคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เหตุมาตรการนี้ช่วยสกัดดีมานด์เทียม ด้าน "นายแบงก์" ยอมรับสินเชื่อเม.ย.เริ่มแผ่ว หลังลูกค้าเร่งโอนในช่วงก่อนหน้า เตรียมปรับกลยุทธ์เจาะตลาดรีไฟแนนซ์แทน
- กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ล่าสุดเอกชนปักหมุดลงทุนไบโอฮับเพิ่มเติมใน 3 จังหวัดได้แก่ ฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี และลพบุรี เงินลงทุนกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท หวังเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งเครื่องดันไทยศูนย์กลางภูมิภาค
- นายจิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เผยขณะนี้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยทั้งหมดยกเว้นการท่องเที่ยวได้ชะลอตัวพร้อม ๆ กันจากสถานการณ์ความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศหลังเลือกตั้ง และปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลชุดปัจจุบันหาแนวทางในการประคองเศรษฐกิจนอกเหนือจากมาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว เช่น การร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนในการเลื่อนจัดงานสัมมนาประจำปี การอบรม หรือจัดกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นใช้จ่าย จากเดิมที่หลาย ๆ องค์กรจะจัดกิจกรรมในช่วงปลายปี
- สมาคมโรงพยาบาลเอกชนวิ่งโร่ฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวคำสั่ง "กกร." ที่คุมยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ หวังให้ศาลตัดสินหยุดบังคับใช้ อ้างเหตุการควบคุมทำธุรกิจเสียหาย เพราะบังคับใช้เฉพาะกับเอกชน ไม่รวมรัฐและสมาคมไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ด้าน "พาณิชย์" ยันยังไม่ได้ออกมาตรการควบคุม แค่เฝ้าระวังพร้อมเดินหน้าสู้ไม่ถอย
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดกำไร Q1/62 +8% Y-Y ทรงตัว Q-Q เป็น 253 ล้านบาท โตสวนอุตสาหกรรมที่ลดลงจากปีก่อน จากการเติบโตของทั้งลูกค้าเดิมและได้คำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ (กลุ่ม Tier 1) เริ่มส่งมอบตั้งแต่ Q4/61 ส่วนการได้ออร์เดอร์ใหม่ทำให้ SAT ไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมรถที่ชะลอในสหรัฐ ยุโรป และจีน SAT มีฐานะการเงินแกร่ง มีหนี้เงินกู้เพียง 300 ล้านบาท มีเงินสดในมือ 1.3 พันล้านบาท (3.2 บ./หุ้น) มี PE ต่ำเพียง 8.5x
- THANI (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 8 บาท แนวโน้มยอดปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกยังสดใสจากความต้องการที่มากขึ้นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคลายกังวลเรื่องตั้งสำรองเพราะตั้งสูงกว่าเกณฑ์ใหม่ ของ IFRS9 ไปแล้ว รวมทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่แพง PE 12 เท่า มี upside จากราคาเป้าหมายของ Consensus ถึง 29%
- OSP (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 32.50 บาท ปัจจุบัน OSP เทรดอยู่ที่ PER 25x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มครื่องดื่มชูกำลังที่ PER 30.0x และกลุ่มเครื่องดื่มรวมที่ PER 26.1x ขณะเดียวกัน OSP มี EBITDA margin (20%) สูงกว่า ฐานการเงินแข็งแกร่งกว่า (Net cash) ด้านภาวะตลาดเครื่องดื่มชูกำลังยังเติบโตต่อเนื่องแม้จะไม่มาก แต่ก็ได้รับอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ OSP มีจำหน่ายใน 22 ประเทศ สำหรับตลาดต่างประเทศ OSP ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 3,385 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% YoY แม้จะโตไม่มากแต่กระแสเงินสดจาการดำเนินงานดีต่อเนื่องทำให้สามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ