นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/62 เนื่องจากจะเห็นการกลับมาเติบโตที่ดีขึ้นของสินเชื่อรวม หลังจากที่ไตรมาสแรกเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการปล่อยสินเชื่อ และมีการทยอยคืนหนี้ของกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ ทำให้ไม่เห็นการเติบโตขึ้นมากนักของสินเชื่อรวม โดยมีอัตราเติบโตไม่ถึง 1% ในไตรมาส 1/62
"สินเชื่อที่โตดีสุดในไตรมาสแรก เป็นสินเชื่อรายย่อย แต่มีการคืนของกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ที่ชำระคืนมา ทำให้โดยรวมแล้วสินเชื่อโตไม่มาก แต่เชื่อว่าหากทุกอย่างกลับมาดีจะทำให้สินเชื่อโตได้ โดยเฉพาะกลุ่มรายใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีการแข่งขันสูง มีการให้ดอกเบี้ยต่ำ โดยเราก็ประเมินตามความเสี่ยงลูกค้า เสี่ยงน้อย ก็ดอกเบี้ยต่ำ และตอนนี้สภาพคล่องในประเทศยังดีอยู่ทำให้ลูกค้ายังลงทุนต่อ ซึ่งเขาไม่ได้มองแค่ 1-2 ปี แต่เขามองไปในระยะกลางและระยะยาว"นายปรีดี กล่าว
นายปรีดี กล่าวว่า ในไตรมาส 2/62 เริ่มเห็นความต้องการและการเบิกใช้สินเชื่อมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการค้าทั้งในและต่างประเทศเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยการส่งออกมีโอกาสกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมไปถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่เริ่มทยอยออกมา ทำให้สินเชื่อจะกลับมาขยายตัวได้เพิ่มขึ้น และมั่นใจว่าสินเชื่อของธนาคารจะขยายตัวได้ตามเป้าโต 5-7% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองฯของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายในและภายนอกที่อาจส่งผลกระทบ โดยธนาคารจะพยายามควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เพิ่มขึ้นมาก หลังจากที่ไตรมาส 1/62 ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.44% จากสิ้นปี 61 ที่อยู่ระดับ 3.34% จากสินเชื่อเอสเอ็มอี และการปรับวิธีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ โดยลดปริมาณการขายหนี้บางส่วน และหันมาบริหารจัดการเอง ทำให้ NPL เพิ่มขึ้นมาในไตรมาสแรก แต่ธนาคารจะควบคุม NPL ในสิ้นปีนี้ให้ไม่เกิน 3.7% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้