นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS)คาดโครงการการผลิตก๊าซจากถ่านหิน จะเปิดดำเนินการทางพาณิชย์ได้ในปลายปี 52 เพื่อเป็นตลาดทดแทนพลังงานอื่นที่ปรับสูงขึ้นจากราคาน้ำม้น และยังเป็นการรองรับธุรกิจสิ่งทอ ธุรกิจปุ๋ย ที่ปัจจุบันใช้น้ำมันเป็นพลังงาน
"ปีนี้การขยายตัวของถ่านหิน ในรูปแบบต่างๆจะเกิดมากขึ้น เพื่อทดแทนราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูง ซึ่งการที่เราศึกษาการผลิตก๊าซจากถ่านหิน จะเป็นการสร้าง new market และยังทำให้การเติบโตเพิ่มขึ้น"นายชัยวัฒน์กล่าว
โดยงบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งงบไว้ 540 ล้านบาท เป็นงบที่จะใช้โครงการการผลิตก๊าซจากถ่านหิน รวมถึงการลงทุนต่อเนื่องในการสร้างคลังสินค้า และต่อเรือใหม่
นอกจากนี้ แผนในการขยายฐานโครงการโลจิสติกส์ ที่เป็นทั้งคลังสินค้า และท่าเทียบเรือ จะช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลงเฉลี่ยปีละ 2-3% ดังนั้นจะทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น 30% และจะทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นด้วย
ในส่วนคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ที่สวนส้ม คาดจะเปิดใช้ได้ในไตรมาส 2/51 ขณะที่การต่อเรือใหม่ 10 ลำ จะเริ่มรับมอบในเดือนมี.ค. 51 จำนวน 2 ลำก่อน และที่เหลือทยอยรับมอบภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 13-15 ล้านบาท/ลำ และคาดว่าจะถึงคุ้มทุนภายใน 7 ปี
นายชัยวัฒน์ คาดรายได้ในปี 51 เติบโต 30% จากปี 50 ที่มี 2.4 พันล้านบาท จากความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในภาวะที่ราคาน้ำม้นปรับตัวสูงขึ้น
"ถึงแม้ราคาถ่านหินปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันส่วนต่างของราคาถ่านหินจะถูกกว่าเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น"นายชัยวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาลดต้นทุน โดยเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินมากขึ้น รวมทั้งโครงการผลิตก๊าซจากถ่านหินเชื่อว่าจะมีการใช้มากขึ้น
ส่วนแนวโน้มในรายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 4/50 จะดีกว่าไตรมาส 3 /50 จากปริมาณถ่านหินที่เพิ่มขึ้น และราคาถ่านหินปรับตัวตามราคาน้ำมัน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--