นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้น ALL ที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากที่ปิดการเสนอขายหุ้น ให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4.90 บาท ได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่เข้ามาจองซื้อหุ้น IPO อย่างคึกคัก ทำให้เชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจและให้การตอบรับที่ดีกับการเข้าซื้อขายเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทมีศักยภาพในด้านการเป็นผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) โดยจะเห็นได้จาก กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และ อิมเพรสชั่น รวมถึงทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ เดอะ วิชั่น ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทเอง และภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 3 บริษัท
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ ภายใต้ชื่อ "Rise Venture" และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งจากจุดแข็งดังกล่าว สามารถตอกย้ำให้เห็นศักยภาพ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้พักอาศัยครบในทุกมิติ ด้วยความเหนือชั้นอย่างมีสไตล์ ดังนั้นด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ ALL มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างเห็นได้ชัด
"ALL มีความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะแนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS และ MRT ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ทุกโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี ยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญบริษัทใช้ระยะเวลาเพียง 6 ปี ก็ สามารถนำพาบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในระยะเลาอันรวดเร็ว และมีการสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ซึ่งจากศักยภาพดังกล่าว จึงมั่นใจว่า หุ้น ALL จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน อย่างแน่นนอน"นายธนากร กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ขยายธุรกิจใน 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยปี 62 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 18,250 ล้านบาท ,ชำระคืนเงินกู้ยืม โดย ณ สิ้นปี 61 บริษัทมีหนี้สินรวมมูลค่าประมาณ 5,238 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 6.78 เท่า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและขาย จำนวน 1 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา จำนวน 7 โครงการ