โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) จากแนวโน้มกำไรปีนี้ที่เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ หนุนให้ยอดขายสาขาเดิมยังคงเติบโต และยังมียอดขายจากสาขาใหม่เข้ามาเสริม โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีที่จะเปิดสาขาค่อนข้างมาก ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย จำนวน 7 สาขา ,ตลาดต่างประเทศซึ่งจะจับตลาด CLMV ที่มีการเติบโตสูง คือ กัมพูชา 1 สาขา และขยายมินิ บิ๊กซี 200 สาขา รวมถึงมีการเปิด BigC Food Place ที่มีสินค้าอัตรากำไรสูง 1 แห่ง อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอีกด้วย
ช่วงบ่ายราคาหุ้น BJC อยู่ที่ 52 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.48% ขณะที่ SET ลบ 0.55%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 73.50 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 62.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 66.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 65.00 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 64.00
นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน กลุ่มค้าปลีก บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BJC ในข่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่จะมีการเปิดสาขาค่อนข้างมาก ทั้งในประเทศ และในประเทศกัมพูชาจำนวน 1 สาขา ซึ่งถือเป็นสาขาแรกของ BJC อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเข้ามาอย่างเต็มที่ เนื่องจาก BJC มีสินค้าทุกประเภท ซึ่งน่าจะทำให้ BJC จะเป็นตัวหลักของกลุ่มค้าปลีกในช่วงที่เหลือของปีนี้
อย่างไรก็ตามยังคงต้องระวัง ในเรื่องของลูกค้าผลิตภัณฑ์กระป๋องที่จะทยอยลดคำสั่งซื้อลงต่อเนื่อง ซึ่งก็เริ่มเห็นผลมาตั้งแต่ไตรมาส 1/62 และน่าจะต่อยอดไปในไตรมาสที่เหลือ โดย BJC จะต้องหาลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถทดแทนในส่วนนี้ได้ ทำให้น่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการเล็กน้อย แต่ไม่น่าจะมีนัยสำคัญ โดยยังคงคาดการณ์กำไรปกติปีนี้จะเติบโต 13.5% จากปีก่อน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 1/62 จะอยู่ที่ราว 1-2% ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/61 ที่ทำได้ 1.8% จากฤดูกาลที่เป็นบวกต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการสนับสนุนนักท่องเที่ยวจากการที่รัฐบาลต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) และสาขาบิ๊กซี (BigC) ได้รับการอนุมัติการใช้จ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ในปี 62 คาด SSSG จะยังเป็นบวกที่ระดับ 1-2% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่คาดจะอยู่ที่ระดับ 4% ใกล้เคียงกับปีก่อน รวมถึงการเร่งตัวขึ้นของการจับจ่ายใช้สอยหลังการเลือกตั้ง ส่วนมาร์จิ้นมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น รวมถึงการลดลงของต้นทุน วัตถุดิบที่มีราคาถูกลง เช่น ธุรกิจอุปโภคและบริโภค (CSC) รวมถึงธุรกิจเวชภัณฑ์และเทคนิค (H&TSC) สามารถเพิ่มมาร์จิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
ด้านการขยายสาขา BJC คาดในปี 62 ภายใต้ธุรกิจบิ๊กซี เตรียมเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 7 สาขา ในเมืองไทยและเตรียมเปิด 1 สาขาที่ประเทศกัมพูชา ในช่วงไตรมาส 4/62 และมินิบิ๊กซี 200 สาขา ขณะที่ในช่วงปลายปี นี้ก็มีแผนเปิดสาขา "BigC Food Place" แห่งที่ 2 ณ อาคารสามย่าน มิดทาวน์ หลังได้รับการตอบรับดี หลังเปิดสาขาที่บางซื่อ เกตเวย์ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่าประมาณการกำไรสุทธิของ BJC ในไตรมาส 1/62 ไว้ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากธุรกิจหลักภายใต้บิ๊กซี ที่คาดว่าจะมียอดขายสาขาเดิม เติบโต 1% และเปิดมินิบิ๊กซีเพิ่ม 27 สาขา ขณะที่ธุรกิจ Consumer product และ Healthcare ยังเติบโตได้ดีเช่นกัน ชดเชยธุรกิจ Packaging ที่อยู่ระหว่างการหาลูกค้าใหม่มาทดแทนลูกค้าผลิตภัณฑ์กระป๋องบางส่วนที่หันไปทำบรรจุภัณฑ์ของตนเอง ขณะที่คาดว่า BJC ยังคงขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ไว้ที่ 7.3 พันล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน โดยคาด SSSG ของบิ๊กซี จะเติบโต 2.7% และการขยายสาขาเป็นไปตามแผน คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย จำนวน 7 สาขา ตลาดต่างประเทศซึ่งจะจับตลาด CLMV ที่มีการเติบโตสูงคือ กัมพูชา 1 สาขา และขยายมินิ บิ๊กซี 200 สาขา รวมถึงมีการเปิด BigC Food Place ที่มีสินค้าอัตรากำไรสูง 1 แห่ง