นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (เควิชั่น) บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และรองกรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่า เควิชั่นได้เตรียมเงินลงทุนเพื่อร่วมทุนในสตาร์ทอัพไทยและต่างประเทศกว่า 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจุบันมีแผนจะเข้าร่วมทุนกับสตาร์ทอัพที่ธนาคารมีความสนใจแล้วทั้งในไทยและต่างประเทศรวมเป็นเงินที่ต้องใช้ราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เน้นกลุ่มสตาร์ทอัพที่จะเข้ามาเสริมและช่วยพัฒนาระบบต่าง ๆ ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะระบบที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ชและเพย์เม้นท์
สำหรับเงินลงทุนที่ธนาคารได้เตรียมไว้คาดว่าจะทยอยใช้หมดภายในสิ้นปีนี้หรือไม่เกินครึ่งแรกของปี 63 โดยปัจจุบันสตาร์ทอัพไทยที่มีคุณภาพมีจำนวนมาก หลายรายมีศักยภาพที่จะขยายและเติบโตในตลาดต่างประเทศได้ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงอย่างต่อเนื่อง และวงการสตาร์ทอัพในประเทศนี้ก็มีการตื่นตัวสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน โดยมีการร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพในปี 61 มีมูลค่ามากถึง 889 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตถึง 3 เท่าจากปี 60 ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของสตาร์ทอัพหน้าใหม่
การลงทุนสตาร์ทอัพและแสวงหานวัตกรรมในระดับภูมิภาคของ KBANK จึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ Business Startup Support Center (BSSC) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพของรัฐบาลเวียดนาม ร่วมกันคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพของไทยในการขยายธุรกิจเข้าไปตลาดเวียดนาม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยก้าวไปดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาค โดยมีเควิชั่น และ BSSC ร่วมเป็นที่ปรึกษา โดยเฉพาะ BSSC ที่เข้าใจตลาดเวียดนามอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในเวียดนามมากขึ้น ซึ่งวางเงินลงทุนสำหรับใช้ในส่วนนี้ราว 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การร่วมมือในการลงทุนและแสวงหาสตาร์ทอัพของธนาคารและ BSSC เพื่อที่จะเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการยกระดับของสำนักงานตัวแทนของ KBANK ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ขึ้นเป็นสาขา ที่สามารถให้บริการเหมือนธนาคารท้องถิ่นได้ ซึ่งจะยกระดับเป็นสาขาและพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาส 1/63 โดยที่สตาร์ทอัพที่ธนาคารมีความต้องการที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ชและฟินเทคเกี่ยวกับด้านเพย์เม้นท์ สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในเวียดนามของธนาคารที่จะรุกไปใน 3 กลุ่ม ทั้งรายย่อย เอสเอ็มอี และรายใหญ่ ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าประเภทร้านค้ามากที่สุด พร้อมกับการอำนวยความสะดวกในการให้บริการขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลวงเงิน 50,000-100,000 บาท/ราย และการเปิดช่องทางแบงก์กิ้งเอเจ้นท์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่สนใจมาเป็นแบงก์กิ้งเอเจ้นท์ให้กับสาขาโฮจิมินห์
สำหรับการยกระดับจากสำนักงานตัวแทนในโฮจิมินห์ของ KBANK เป็นสาขาโฮจิมินห์ ภายในไตรมาส 1/63 ธนาคารตั้งเป้าสาขาดังกล่าวมีกำไรภายใน 3 ปีแรก และตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในทุก ๆ ปีในช่วง 3 ปีแรก และนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพและขยายฐานลูกค้าในเวียดนาม โดยสาขาโฮจิมินห์ จะมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกันธนาคารยังมีสำนักงานตัวแทนอีก 1 แห่ง ในฮานอย ไว้เพื่อรองรับการบริการลูกค้าในประเทศไทยที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม โดยธนาคารมองว่าประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง ซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงถึง 6.9% ในปี 61 เป็นอันดับที่ 2 ของโลก มีสัดส่วนประชากรวัยทำงานอายุไม่เกิน 35 ปี อยู่เป็นสัดส่วนที่มาก และมีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนมากขึ้น ทำให้ประเทศเวียดนามมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูง จึงเป็นโอกาสของธนาคารที่จะเข้าไปรุกอย่างจริงจัง
"ธนาคารกสิกรมีแผนที่จะก้าวเป็น Reginal Bank ก็ยังคงต้องขยายออกไปนอกประเทศมากขึ้น แต่ก็ต้องไปด้วยความระมัดระวัง เพราะก็ไปขยายในต่างประเทศแม้ว่าเราจะเป็นแบงก์ใหญ่ในไทย แต่เมื่อออกไปแล้วเราก็เป็นแบงก์ใหม่ในประเทศอื่น ซึ่งเราจะเข้าไปรุกขยายฐานลูกค้าอย่างไม่ระมัดระวังไม่ได้ อีกทั้งการขยายไปต่างประเทศยังคงต้องร่วมมือกับ Local Partner ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และค่อย ๆ ขยายไปอย่างเหมาะสม"นายภัทรพงศ์ กล่าว