นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 บริษัทมีรายได้รวม 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (9.58 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 26% จากงวดปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตของกำลังการผลิตในทุกภูมิภาค ขณะที่มีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) อยู่ที่ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ จากแรงหนุนของกลุ่มธุรกิจ Integrated PET กลุ่มธุรกิจ Fibers และกลุ่มธุรกิจ Packaging ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 94% ของกำลังการผลิตรวม ทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็น 92% ของ Core EBITDA ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน Core EBITDA ลดลง 7% เมื่อเทียบปีต่อปี
ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 อยู่ที่ระดับ 117 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36% จากกำไรสุทธิ 184 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากกำไรที่อ่อนตัวของธุรกิจ Olefins และ Specialty Chemicals รายได้ในธุรกิจ Olefins ได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาการปิดชั่วคราวและได้กลับมาเริ่มการผลิตอีกครั้ง ธุรกิจ Specialty Chemicals ได้รับผลกระทบจากกำไรที่ปรับตัวลดลงอย่างมากและคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในระยะเวลาที่เหลือของปี 62 เนื่องจากการอ่อนตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนี้
ส่วนธุรกิจ Integrated PET ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นและภาพรวมกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกิจการที่เข้าซื้อในปี 61 และการบูรณาการของกิจการที่เข้าซื้อในช่วงปี 61 และ 62 ซึ่งประกอบด้วยกิจการ PTA ในประเทศโปรตุเกส กิจการ PET (ในประเทศอียิปต์และบราซิล) และการควบรวมกิจการ PET ในประเทศอินเดียและ PTA ในอินโดนีเซีย กำไรจากธุรกิจนี้มีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธุรกิจที่ทำสัญญาธุรกิจในตลาดตะวันตก
ธุรกิจ Fibers ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจในแนวดิ่ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยและไลฟ์สไตล์ โดยเป็นผลมาจากอัตราการดำเนินงานที่ดีขึ้นและราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัวลง
สำหรับภาพรวมของปี 62 บริษัทคาดการณ์ว่า ธุรกิจหลัก (ธุรกิจ Integrated PET, Fibers และ Packaging) จะยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี รายได้จากธุรกิจ Olefins และ Specialty Chemicals คาดว่าจะยังคงอ่อนตัวในช่วงที่เหลือของปี การเปลี่ยนแปลงของบริบททางธุรกิจที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องพิจารณาเป้าหมาย EBITDA อย่างรอบคอบ และเชื่อว่าอาจมีความเหมาะสมในการลดเป้าหมายของ Core EBITDA สำหรับปี 62 ที่มีการประกาศไปก่อนหน้า ลดลง 10-15%
อนึ่ง IVL เคยประกาศเป้าหมายจะมี Core EBITDA ในปีนี้ที่ระดับ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านตัน จากระดับ 10.4 ล้านตันในปีที่แล้ว
นายอาลก กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์ความสามารถในการลงทุนจากกระแสเงินสดราว 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เพิ่มเติมจากโครงการร่วมทุน Corpus Christi ในสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศไปแล้วในธุรกิจข้างเคียง โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ในขณะเดียวกันสร้างการเติบโตตามปกติในธุรกิจ Integrated PET และ Fibers
นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัตินี้มีมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐและ 100 ล้านยูโร อยู่ในรูปแบบของสินเชื่อกระตุ้นเชิงบวก ซึ่งเชื่อมโยงกับการจัดอันดับ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ของไอวีแอล
"แม้ว่าเราจะเผชิญอุปสรรคชั่วคราวในหลาย ๆ ด้าน แต่เราได้มีการวางกลยุทธ์ที่จำเป็นในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของโมเดลทางธุรกิจของไอวีแอลที่มีการบูรณาการ ส่งผลต่อความสามารถในการก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ระยะสั้นเหล่านี้ เราเชื่อมั่นว่า ด้วยโอกาสที่ดีในการกลุ่มธุรกิจที่จะขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ พร้อมการสนับสนุนจากตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาดในกลุ่มธุรกิจ Integrated PET และ Fibers ทำให้ไอวีแอลอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเติบโตและยังคงเชื่อมั่นในการสร้างการเติบโต EBITDA เป็นสองเท่าในทุก ๆ 5 ปี"นายอาลก กล่าว