ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 3.40% เม็ดเงินไหลเข้า วอลุ่มเกิน 4 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบ 6 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 1, 2008 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 810.86 จุด เพิ่มขึ้น 26.63 จุด(+3.40%) มูลค่าการซื้อขาย 42,227.91 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยพุ่งแรงตั้งแต่เปิดเทรดในช่วงเช้า จนถึงการเทรดภาคบ่ายยังบวกได้กว่า 3% โดยแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 811.39 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 794.36 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 313 หลักทรัพย์ ลดลง 65 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 73 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดี-ปรับตัวขึ้นแรง ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดสหรัฐฯ, ตลาดแถบยุโรป และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เป็นบวกกัน คาดว่า จะเป็นผลจากมีเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดทุนมากขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย สังเกตุได้จากวานนี้(31 ม.ค.)นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าในช่วงก่อน ๆ ที่ส่วนใหญ่จะขายสุทธิ หากซื้อก็จะซื้อแค่เล็กน้อยเท่านั้น
การที่มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดทุนมากขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นผลจาอัตราผลตอบแทนจากตลาดเงินลดลงมามาก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้ง 0.75%, 0.5% ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดเงินเข้ามาสู่ตลาดทุน เพราะช่วงที่ผ่านมาตลาดทุนได้ปรับตัวลงไปมาก ทำให้มี return ที่น่าจูงใจเมื่อเทียบกับพื้นฐานของหุ้น
นอกจากนี้ ภาพโดยรวมจากสถานการณ์ภายนอกประเทศก็เริ่มผ่อนคลายลง จากที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว ทำให้ฟื้นความเชื่อมั่นขึ้นมาได้บ้าง และปัญหาซับไพร์มตลาดฯก็ได้รับรู้ไปบ้างแล้วระดับหนึ่ง
สำหรับปัจจัยภายในประเทศในเรื่องการเมืองไทยก็เริ่มคลี่คลายลง ขณะนี้ก็กำลังจะมีรัฐบาลใหม่และจะเข้ามาปฏิบัติงานได้ในไม่ช้านี้ ซึ่งก็จะมีนโยบายต่าง ๆ ออกมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน ซึ่งคิดว่าในช่วงแรก ๆ ก็น่าจะดี
อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ก็ยังไม่สามารถละเลยความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้ เพราะการที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยก็ดี หรือว่ามีมาตรการกระตุ้น 1.5 แสนล้านเหรียญฯของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ออกมาก็ยังไม่ได้เป็นหลักประกันว่า ปัญหาของสหรัฐอเมริกาจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว หรือจะมีผลในเชิงปฏิบัติไปในทางที่ดีอย่างมาก ซึ่งตรงนี้คงจะต้องรอดูไปอีกระยะหนึ่งก่อน แต่สิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯและรัฐบาลกลางสหรัฐฯดำเนินการมาก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว ก็เลยคิดว่าช่วงนี้ตลาดฯก็เลยปรับตัวไปในทางที่เป็นบวก ประกอบกับราคาหุ้นในตลาดฯก็ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้านั้น น.ส.อาภาพร กล่าวว่า ถ้าดูจากโมเมนตัมจะเห็นได้ว่า positive อยู่ เพียงแต่ว่าการแกว่งตัวอาจจะมีในระหว่างสัปดาห์ฯ พร้อมให้แนวรับ 790-800 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 820+/-5 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,080.75 ล้านบาท ปิดที่ 338.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,730.76 ล้านบาท ปิดที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 2,826.72 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,900.07 ล้านบาท ปิดที่ 424.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,290.44 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ