นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะพักตัว เนื่องจากมีแรงถ่วงจากกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ดูสับสนอีกรอบ จากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งสัญญาณไม่พอใจจีนทำให้ภาพเป็นลบในระยะสั้น อย่างไรก็ดีจีนยังยืนยันที่จะไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯต่อไป ดังนั้น ตลาดฯอาจจะพักตัวระยะสั้น ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเฉลี่ย 0.5-0.6%
ทั้งนี้ วันนี้บ้านเราให้ติดตามเรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) โดยรอดูว่าจะประกาศก่อนผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันนี้หรือไม่ แม้ทางกกต.ยืนยันว่าจะไม่ประกาศวันนี้ อยากจะรอดูศาลฯตีความก่อนว่าสูตรจะออกมาเป็นอย่างไร นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และไม่น่าจะมีนัยยะต่อตลาดฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675-1,683 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,965.09 จุด ร่วงลง 473.39 จุด (-1.79%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,963.76 จุด ลดลง 159.53 จุด (-1.96%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.05 จุด ลดลง 48.42 จุด (-1.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 295.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 53.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 375.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 48.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 25.65 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 26.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.99 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ค.62) 1,669.68 จุด ลดลง 9.37 จุด (-0.56%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 627.86 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 พ.ค.62) ปิดที่ 61.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ค.62) ที่ 3.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.89/91 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.80-32.00 จับตาประชุมกนง.วันนี้
- 3 ค่ายมือถือยื่นใช้สิทธิยืดหนี้คลื่น 900 MHz ตามประกาศ ม.44 กว่า 1.5 แสนล้านบาท "ทรู" รายแรกร่อนหนังสือขอรับเงื่อนไข จับตา "ดีแทค-เอไอเอส" ทยอยยื่นตาม "ฐากร"เคาะจัดสรรคลื่น 5จี วันที่ 19 มิ.ย.นี้ กำหนดราคาใบอนุญาต 10 ปี 15 เมกะเฮิรตซ์ ไม่เกิน 2.7 หมื่นล้านบาท ด้านผู้ประกอบการทีวีฯ เร่งชงบอร์ด เคาะคืนช่องก่อนเส้นตาย 10 พ.ค.นี้
- "ไอเอ็มเอฟ" เตือนความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีน เป็นภัยคุกคามหลักต่อเศรษฐกิจโลก จีนส่ง "หลิว เหอ" ร่วมเจรจากับรัฐบาลวอชิงตัน ด้าน"ประยุทธ์"สั่งทุกฝ่ายระวังเศรษฐกิจโลกป่วน "พาณิชย์" จี้ทูตพาณิชย์ เกาะติดสถานการณ์ พร้อมหามาตรการรับมือ
- กสทช.เชิญผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล รับฟังเงื่อนไขการให้เงินชดเชยสำหรับช่องที่ต้องการคืนใบอนุญาต ย้ำ 10 พ.ค. วันสุดท้ายยื่นแสดงความจำนงขอใช้สิทธิ์ จากนั้นไม่เกิน 90 วัน ส่งแผนขอเงินชดเชยเพื่อให้บอร์ดพิจารณาจอดับภายใน 30 วัน พร้อมคืนเงินทันทีโดยไม่ต้องรอเงินประมูลคลื่น 700 MHz จับตา จะมีเอกชนคืนไลเซนส์ 5 ช่อง ส่วนช่องที่เหลือ ทั้ง "ช่อง 3-เนชั่น-ไบรท์ทีวี" เคาะศุกร์นี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยสูงสุด ใกล้เคียง 80% ของจีดีพี ผนึกธนาคารและสถาบันการเงิน 35 ราย ลุยขยายคลินิกแก้หนี้เฟส 2 เริ่ม 15 พ.ค.62
*หุ้นเด่นวันนี้
- ALL (บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO ที่ 4.90 บาท/หุ้น กลุ่มบริษัท ALL ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียมทั้งแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ "The Excel" "RISE" และ "Impression" เน้นทำเลที่ตั้งบริเวณแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และในทำเลที่มีศักยภาพ รวมถึงโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแนวราบประเภททาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ "The Vision" โดย ALL มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ ครอบครัวธนวริทธิ์ ถือหุ้น 73.21%
- IVL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 62 บาท แม้ว่าผู้บริหารจะปรับเป้า Core EBITDA ปีนี้ลง 10-15% เหลือ 1.49-1.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ โตจากปีก่อน 9% (เป้าเดิมโต 20%) เพราะมาร์จิ้นของธุรกิจ MEG และ IPA ยังอ่อนแอ แต่กำไรก็ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน Q1/62 และช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้นมากจากธุรกิจ Fibers ที่แข็งแกร่ง โรงงาน EO-EG ในสหรัฐกลับมาเดินเครื่องตั้งแต่ 2 พ.ค. และธุรกิจ PTA และ PET มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการในปีก่อน และมีมาร์จิ้นสูงเพราะความต้องการสูงแต่ supply จำกัด
- BDMS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ผ่านพ้นช่วงการลงทุนใหญ่มาแล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไร อีกทั้งยังมี Sentiment บวกจาก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนรอบใหม่มีผล 29 พ.ค.62