นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 5,000 ล้านบาท หลังจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 2 พ.ค.62 อยู่ที่ 7,012 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
"ผลงานในไตรมาส 1/62 เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า การเติบโตของ AIT ได้กลับมาเติบโตแข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งรายได้และกำไรขยายตัวในทิศทางที่ดี และด้วยมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งยังไม่นับรวมงานโครงการใหม่ๆ ที่จะทยอยเข้ามาทำให้เราเชื่อว่าเป้าหมายรายได้ที่ 5,000 ล้านบาท เป็นสิ่งที่เป็นไปได้"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 บริษัทสามารถผลักดันการเติบโตที่ดีทั้งในแง่ของกำไรสุทธิและรายได้จากงบเฉพาะกิจการ โดยมีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท และมีรายได้1,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังสามารถรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น เช่น งานโครงการจัดให้มีการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล งานโครงการจ้างงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เป็นต้น ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตให้แก่บริษัทได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ
นอกจากนี้บริษัทยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยในไตรมาส 1/62 นั้น มีทิศทางของอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น อยู่ที่ 20% จึงมีผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้ดี
ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้องค์กรทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต้องลงทุนพัฒนาระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับขีดความสามารถในการแข่งขันและการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไม่ราบรื่นมากนัก แต่ผลงานในช่วงที่ผ่านมาถูกพิสูจน์แล้วว่า แม้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่มีความชัดเจน แต่การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งที่ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น จากงานโครงการที่เริ่มทยอยออกมาประมูลอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสที่บริษัทจะนำความเชี่ยวชาญและจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจเข้าร่วมงานประมูลเพื่อเพิ่มBacklog ให้มากขึ้น โดย Backlog ปัจจุบันได้รวมงานโครงการจ้างงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่มีมูลค่า 3,351 ล้านบาทอยู่ด้วย ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้บางส่วน ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของปีนี้จะเติบโตตามแผนที่วางไว้