ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนหยุดพักความวิตกกังวลหลังทราบตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.เอาไว้ชั่วคราว และหันไปให้ความสนใจกับข่าวไมโครซอฟท์ คอร์ป เสนอซื้อกิจการ ยาฮู อิงค์ รวมถึงแผนช่วยเหลือสำหรับภาคการประกันหุ้นกู้ที่กำลังประสบปัญหา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 92.83 จุด หรือ 0.73% แตะระดับ 12,743.19 จุด หลังจากที่ทะยานมากกว่า 200 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 16.87 จุด หรือ 1.22% แตะระดับ 1,395.42 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดตัวขึ้น 23.50 จุด หรือ 0.98% แตะระดับ 2,413.36 จุด
ปริมาณการซื้อขายมีอยู่ 1.79 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 2.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
อย่างไรก็ดี หุ้นขึ้นลงผันผวนบ้างในการซื้อขายระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนประเมินข้อมูลและข่าวเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาคละกันทั้งบวกและลบ
นักลงทุนขานรับข่าวไมโครซอฟท์ยื่นข้อเสนอมูลค่า 4.56 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเข้าเทคโอเวอร์ยาฮู หลังจากที่ข่าวเรื่องการควบรวมกิจการซึ่งมักจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด ได้ห่างหายไปจากตลาดวอลล์สตรีทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทั้งบวกและลบเตือนให้นักลงทุนตระหนักถึงผลพวงต่อเนื่องจากวิกฤติสินเชื่อและการเคหะ และส่งผลให้ตลาดค่อนข้างที่จะผันผวน
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค. ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีของตลาดแรงงาน ข้อมูลดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าตัวเลขจ้างงานน่าจะเพิ่มขึ้น 70,000 ตำแหน่ง ในส่วนของอัตราว่างงานขยับลงเล็กน้อยแตะ 4.9% ในเดือนม.ค. จาก 5% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากแรงงานภาคพลเรือนที่ลดลง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิดเผยค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 1.1% ในเดือนธ.ค.ปีก่อน ซึ่งลดลงมากสุดในรอบ 15 เดือน และเป็นสองเท่าของที่นักวิเคราะห์คาด
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ออกมาเตือนในการประชุมคอนเฟอเรนซ์ คอลเมื่อวันศุกร์ว่า มูดี้ส์อาจจะปรับลดเครดิตผู้ออกหุ้นกู้บางรายในเดือนนี้ ทั้งนี้การให้เรตติ้งสูงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกันหุ้นกู้ที่ทำธุรกิจใหม่และสำหรับนักลงทุนเพื่อให้รู้สึกปลอดภัยกับการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ชี้ให้เห็นว่า ดัชนีภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 50.7 ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 48.4 ในเดือนธ.ค. ขณะที่ตลาดคาดว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะลดลงแตะ 47 ซึ่งจะหมายถึงภาวะซบเซาในภาคการผลิต
“เราเริ่มจะมองเห็นนักลงทุนระยะยาวและผู้จัดการกองทุนกลับเข้ามาในตลาด ผมจึงเชื่อว่าคุณกำลังจะได้เห็นหุ้นเดินหน้าขึ้นแม้จะเป็นเวลาที่มีข่าวในแง่ลบก็ตาม" มาร์ค พาดู จากแคนเตอร์ ฟิตซ์เจอรัลด์ กล่าว
หุ้นของบรรดาบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ปิดบวกขึ้น จากความพยายามในการเดินหน้าให้ความช่วยเหลือตลาดประกันหุ้นกู้ที่กำลังประสบปัญหา โดยหุ้นแอมแบค ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 13% ขณะที่หุ้น เอ็มบีไอเอ อิงค์ บวก 86 เซนต์ หรือ 5.6%
หุ้นยาฮูทะยานขึ้น 9.20 ดอลลาร์ หรือ 48% จากข่าวไมโครซอฟท์เสนอซื้อหุ้นยาฮูในราคาหุ้นละ 31 ดอลลาร์ โดยยาฮูกล่าวว่า บริษัทจะพิจารณาข้อเสนอของไมโครซอฟท์ ขณะที่หุ้นของไมโครซอฟท์ร่วงลง 2.15 ดอลลาร์ หรือ 6.6%
หุ้นกูเกิลปิดลบ 48.40 ดอลลาร์ หรือ 8.6% หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรและรายได้ขยายตัวช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์
หุ้นโมโตโรล่า อิงค์ กระโดดขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 10% หลังจากบริษัทประกาศว่ากำลังพิจารณาที่จะขายหรือแยกธุรกิจโทรศัพท์มือถือของบริษัทที่ซบเซา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--