TKN เน้นคุมต้นทุนต่อเนื่องดันกำไรสุทธิปีนี้โตกว่า 7% แม้ลดเป้ารายได้เหลือโต 5-7%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 9, 2019 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตกว่า 7% แม้ล่าสุดจะปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือโต 5-7% จากเดิมที่คาดเติบโต 10-12% เนื่องจากในช่วงต้นปีตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในจีนยังอยู่ระหว่างศึกษาตลาด จึงยังไม่สามารถทำยอดขายได้เต็มที่ แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันบริษัทก็จะได้มุ่งการควบคุมต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไร

"การปรับเป้ารายได้ลงก็เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องด้วยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อรองรับดีมานด์ แต่ดีมานด์ยังไม่มา จากตัวแทนจำหน่ายของประเทศจีนรายใหม่อยู่ระหว่างศึกษาการทำตลาด ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้างเพื่อสร้างยอดขาย แต่เราก็เชื่อว่าเถ้าแก่น้อยไม่ได้หยุดที่จะโต ยังคงมีการเติบโตอยู่ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ก็น่าจะเติบโตกว่า 7% หลังปรับสมดุลระหว่างซัพพลายและดีมานด์ให้ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อยู่ในระดับที่ดีขึ้น"นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

นายอิทธิพัทธ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตในสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของตลาดจีนที่ขณะนี้อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แม้ว่าปัจจุบันสหรัฐฯ จะมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอยู่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการทำตลาด และค่าแรกเข้าวางสินค้าจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า สำหรับแบรนด์โนระ แต่เชื่อว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในปีนี้ และเริ่มเห็นกำไรในปี 63 จากการที่บริษัทสามารถวางจำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อได้เพิ่มขึ้น

ส่วนความคืบหน้าการวางจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในห้างสรรพสินค้าคอสโก (Cosco) คาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 2/62 เบื้องต้นคาดเห็นยอดขายประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ประกอบกับอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย โดยมองว่าตลาดสหรัฐฯ จะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาสร้างพอร์ตการขายให้สมดุล จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการขายจากประเทศจีนเป็นหลัก ประมาณ 35% ของรายได้จากการขายรวม

ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 67 จะมีรายได้จากตลาดสหรัฐฯ เติบโตแตะ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โนระ 70% และแบรนด์เถ้าแก่น้อย 30% ขณะเดียวกันหากรวมการเติบโตระหว่างสหรัฐฯและจีน ก็คาดว่าจะมีรายได้รวมกันเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท ในปี 67

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในตลาดอินโดนีเซีย และมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตดี ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าวเพียง 1 ราย

สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทวางไว้ที่ 200 ล้านบาท แบ่งเป็น การปรับปรุงเครื่องจักร และการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต (R&D), การขยายสาขาร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ จำนวน 2-3 สาขา, การขยายสาขาร้านข้าวแกงกะหรี่ฮิโนยะ 3 สาขา โดยในไตรมาส 1/62 เปิดไปแล้ว 1 สาขา และจะเปิดสาขาที่ 2 ในไตรมาส 2/62 ที่ Cosmo Bazaar เมืองทองธานี ส่วนสาขาที่ 3 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ