ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. บ้านปู (BANPU) ที่ระดับ "A+" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ของบริษัทที่ระดับ "A+" ด้วยเช่นกัน สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ของบริษัทรวมถึงเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการลงทุนของบริษัท
อันดับเครดิตดังกล่าวยังคงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมถ่านหินในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ตลอดจนความหลากหลายของฐานลูกค้าและความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของแหล่งสำรองถ่านหิน รายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้า และกลยุทธ์ของบริษัทในการที่จะเป็นบริษัทพลังงานแบบครบวงจร
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของราคาถ่านหินที่เป็นวัฏจักร ตลอดจนความต้องการใช้ถ่านหินที่ชะลอตัวซึ่งได้รับผลกระทบบางส่วนจากความพยายามที่จะลดมลพิษทางอากาศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถ่านหินของรัฐบาลจีน
ในปี 2561 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 21% เป็น 3,481 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น ในปี 2561 ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทเพิ่มขึ้น 11% เป็น 78.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินเพิ่มขึ้น 4% เป็น 38.03 ล้านตัน บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ 982 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณไว้ที่ 800-900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีเล็กน้อย
โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วทั้งสิ้น 3,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ 52.9%
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะยังคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถ่านหินต่อไป โดยเงินปันผลรับจากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของอุตสาหกรรมถ่านหินได้บางส่วน นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาวินัยทางการเงินและบริหารการเงินอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่ดี กอปรกับความยืดหยุ่นทางการเงินจะช่วยให้บริษัทประคองตัวได้ในภาวะที่อุตสาหกรรมถ่านหินมีความผันผวน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับขึ้นได้หากบริษัทมีสถานะการเงินที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากราคาถ่านหินลดลงจนทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าความคาดหมายอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การลงทุนโดยการก่อหนี้จนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนอ่อนแอลงและทำให้กระแสเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ลดลงอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้อันดับเครดิตถูกปรับลดลง