ขณะเดียวกัน บริษัทจะเก็บเกี่ยวรายได้และผลกำไรจากธุรกิจที่ขยายการลงทุนไปแล้ว โดยช่วงไตรมาส 2/62 จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนถือหุ้น 23.66% ในบริษัท TRANSIMEX CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศเวียดนาม และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์
นอกจากนี้ในการร่วมทุนกับ Bok Seng (บ๊อกเส็ง) เพื่อให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทางสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ (Project Cargo Logistics) ในประเทศไทยและ สปป.ลาว และการร่วมทุนกับ CJ Logistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ ขยายฐานลูกค้าแบบ B2B และ B2C ในไทย คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจและทยอยสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป
"เชื่อว่าในปีนี้จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจที่ขยายการลงทุนในปีก่อน เช่น ธุรกิจอาหารในไต้หวันจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้และมีลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มเติม ส่วนการร่วมทุนกับ Bok Seng เชื่อว่าจะได้รับผลดีการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย และการร่วมกับ CJ Logistics เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าธุรกิจอี-คอมเมิร์ชในไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว" นายชวนินทร์ กล่าว
ด้านนายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 (ม.ค.-มี.ค 62) สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวม 896.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 664.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 41.7 ล้านบาท ถือว่าบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีตามเป้าหมายแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงต้นปีอาจไม่ได้ขยายตัวมาก
ปัจจัยการเติบโตในไตรมาส 1/62 เกิดจากกลุ่มธุรกิจหลักส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดี ประกอบกับธุรกิจที่เข้าลงทุนในช่วงที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้และผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจบริการรับฝากและบริหารสินค้า มีรายได้รวม 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.5% โดยมาจากธุรกิจบริหารจัดการสินค้าอันตราย มีรายได้ 139.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.8% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 46.9% ธุรกิจห้องเย็น มีรายได้ 156.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.2% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 40.6% ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 115.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.5% และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32.8%, กลุ่มธุรกิจบริการขนส่งสินค้า มีรายได้รวม 129.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% และกลุ่มธุรกิจอาหารในประเทศไต้หวัน มีรายได้รวม 151.9 ล้านบาท
"โดยรวมถือว่าปีนี้ JWD ออกสตาร์ตได้ดี มีผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่น่าพอใจ เช่น ธุรกิจบริหารจัดการสินค้าอันตรายที่มีรายได้นิวไฮ เนื่องจากมีลูกค้าใช้บริการต่าง ๆ และมีปริมาณสินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบังจำนวนมาก กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าก็มีลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องทั้งงานขนส่งในประเทศและขนส่งข้ามแดน รวมถึงขยายบริการขนส่งสินค้าทางรางต่อเนื่องจากปีก่อน"นายเอกพงษ์ กล่าว