GCAP ร่วง 8.73% หลังกำไร Q1/62 หดแรง-ผู้บริหารระบุราคาไหลลงต่อเนื่องรับผลไดลูทหุ้นเพิ่มทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 10, 2019 13:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น GCAP ร่วง 8.73% มาอยู่ที่ 2.30 บาท ลดลง 0.22 บาท มูลค่าซื้อขาย 11.63 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.47 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.36 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.36 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.26 บาท

บมจ.จี แคปปิตอล (GCAP) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 8.76 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.24 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท

ขณะที่นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ GCAP เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคา 2.00 บาท เริ่มซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.62 ที่ผ่านมา ทำให้เกิด Dilution

อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นการสะท้อนราคาหุ้นที่แท้จริงของบริษัท เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นโดยที่ผลประกอบการยังไม่ได้เติบโตมากนัก และยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

"ที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาหุ้นของ GCAP ปรับขึ้นไปถึง 8 บาท โดยที่เรายังไม่ได้มีการทำอะไรให้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเลย จากการกระทำของนักลงทุนบางกลุ่ม และเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการที่เรามีการเพิ่มทุนที่ทำให้เกิดไดลูทแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือเป็นการสะท้อนของราคาหุ้นที่แท้จริงด้วย"นายสเปญ กล่าว

สำหรับแผนงานในปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 306.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่ทำกำไร 54.89 ล้านบาท เป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ราว 1,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่ง 4 เดือนแรกของปีปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 62% สินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล 38%

ทิศทางผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/62 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย จากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังก็จะเติบโตได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยบริษัทเห็นความชัดเจนของแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถแทรกเตอร์ ขณะเดียวกันความต้องการใช้สินเชื่อจากลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้บริษัทยังคงเดินหน้าให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนั้น บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รายการภายใต้บริษัทร่วมทุนชื่อ "สบายใจมันนี่" ร่วมกับ บริษัท 9F International Holding PTE. LTD ซึ่งเป็นบริษัททางการเงินชั้นนำจากประเทศจีน หลังได้มีการลงนามร่วมทุนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ 9F ถือหุ้นในสัดส่วน 49% คาดว่าจะเสร็จสิ้น และ สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 3/62 ตามแผนที่วางไว้

นายสเปญ กล่าวอีกว่า บริษัทคงเป้าที่จะรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ไม่ให้เกิน 5% ในปี 62 จากช่วงไตรมาส 1/62 เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 14% ด้วยการติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด และการใช้บริษัทบริหารติดตามหนี้ภายนอกเสริมด้วย โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างและระบบการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าการปรับปรุงดังกล่าวจะผลักดันการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้ดีขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ