นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 ว่า รายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 45,535 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่บริษัทมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 1,959 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 214 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.16 บาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.17 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.85 บาท
สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 517 ล้านบาท มีค่าการกลั่นพื้นฐานอยู่ที่ 3.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยในไตรมาสนี้โรงกลั่นมีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 110,120 บาร์เรลต่อวัน เป็นการลดกำลังการกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งมีการหยุดซ่อมอุปกรณ์บางส่วนในหน่วยกลั่นในเดือน มี.ค. จึงทำให้ไม่สามารถเดินหน่วยกลั่นได้อย่างเต็มที่ แต่ในส่วนของธุรกิจการค้าน้ำมันโดย บริษัท BCP Trading จำกัด มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากธุรกรรมโดยรวมของบริษัททั้งด้านปริมาณการค้าในทุกผลิตภัณฑ์และด้านธุรกรรมกับบริษัทคู่ค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงกลั่นยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.ต่อเนื่องมาถึงเดือน ก.พ.และส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาสนี้มีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวลดลง แต่ต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่เข้ากลั่นในไตรมาสนี้บางส่วน ยังคงสะท้อนราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นยังมี Inventory Loss เล็กน้อย
กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 612 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,521 ล้านลิตร และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายผ่านสถานีบริการอยู่ในอันดับที่ 2 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสะสมเดือน ม.ค.-มี.ค.62 อยู่ที่ 15.6% มีปริมาณการจำหน่ายในส่วนของตลาดค้าปลีกที่เป็นช่องทางหลักเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้า และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล B20 ร่วมกับการจัดแคมเปญลดราคาพิเศษสำหรับน้ำมันไฮพรีเมียมดีเซล เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐในการส่งเสริมการใช้น้ำมันคุณภาพที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะ และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรสวนปาล์ม
ตลอดจนการผลักดันยอดขายผ่านโปรแกรมการตลาด เพิ่มความหลากหลายของธุรกิจเสริมและบริการต่างๆ ในสถานีบริการ รวมทั้งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าเพิ่มขึ้น โดย ณ ไตรมาส 1/62 มีจำนวนสถานีบริการฯ ทั้งสิ้น 1,176 สาขา ร้านสะดวกซื้อ SPAR 47 สาขา ร้านกาแฟอินทนิล 529 สาขา โดยค่าการตลาดรวมสุทธิปรับตัวลดลงในส่วนของตลาดค้าปลีก เนื่องจากในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้ราคาต้นทุนผลิตภัณฑ์ปรับสูงขึ้นในขณะที่ราคาหน้าสถานีบริการน้ำมันปรับขึ้นได้ช้ากว่า อีกทั้งการตรึงราคาน้ำมันเพื่อช่วยลดภาระแก่ผู้บริโภคในบางช่วงเวลา ทำให้ราคาขายปลีกไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) มี EBITDA 736 ล้านบาท และมีรายได้ 808 ล้านบาท โดยมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าทุกโครงการรวม 75.97 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ รกิจพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ มีส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานและค่าตัดจำหน่ายสิทธิการขายไฟ รวม 29 ล้านบาท และมีผลการดำเนินงานดีขึ้นเนื่องจากเป็นช่วง High Season จากที่มีพายุพัดผ่านทำให้ความเร็วลมเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย มีส่วนแบ่งกำไรดังกล่าวข้างต้นรวม 93 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด มี EBITDA รวม 194 ล้านบาท โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีรายได้จากการขาย 1,275 ล้านบาท มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 ลดลง โดยปริมาณผลิตอยู่ที่ 67.26 ล้านลิตร และปริมาณจำหน่ายอยู่ที่ 71.15 ล้านลิตร และยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง รวมทั้งกำลังการผลิตรวมของผลิตภัณฑ์ B100 ในประเทศที่เพิ่มขึ้น 1.20 ล้านลิตรต่อวัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้เกิดการแข่งขันสูง
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีรายได้จากการขาย 1,071 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวมของผลิตภัณฑ์เอทานอลอยู่ที่ 47.89 ล้านลิตร โดยมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอทานอลเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต ของโรงงานผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล ที่อำเภอบ่อพลอย ของบริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็น 300,000 ลิตรต่อวัน ขณะที่กำไรขั้นต้นผลิตภัณฑ์เอทานอลลดลงเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในไตรมาสนี้ปรับลดลง เป็นผลจากสต๊อกเอทานอลในประเทศที่อยู่ในระดับสูง และกำลังการผลิตรวมของประเทศที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลง แต่มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA AS (OKEA) 8 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ OKEA ได้มีการตั้งด้อยค่า Technical Goodwill ของแหล่ง Gjoa เนื่องจากราคาขายก๊าซธรรมชาติมีทิศทางปรับตัวลดลง นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 99 ล้านบาท ของรายการเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทเทียบกับสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในปี 62 BCP ยังคงมุ่งลงทุนพัฒนาศักยภาพ และแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างรายได้เพิ่มในทุกธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นใช้นวัตกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผลักดันและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกลุ่มธุรกิจของบางจากฯ ให้เติบโตต่อเนื่อง และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศตามภารกิจหนึ่งขององค์กร โดยล่าสุดได้ผุดโครงการ Rocket Project เพื่อพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นให้ดียิ่งขึ้น และจะสร้างรายได้เพิ่มให้ได้ตามเป้าหมาย