บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ และจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อลงทุน และ/หรือขยายธุรกิจ ได้แก่ การขยายสาขาร้านค้าปลีก และการปรับปรุงร้านค้าปลีกปัจจุบัน, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ชำระเงินกู้ยืม โดยคาดว่าจะใช้เงินในปี 2563
CPW ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าประเภทดิจิตอลไลฟ์สไตล์ที่ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งเรื่องสินค้าที่มีนวัตกรรม ความทันสมัยและสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น อุปกรณ์เกี่ยวกับเสียง อุปกรณ์เพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและสำนักงาน รวมทั้ง สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต นาฬิกาอัจฉริยะและอุปกรณ์เสริมต่างๆ
CPW ขายปลีกสินค้ากลุ่มดิจิตอลไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงสินค้าแบรนด์ Apple ผ่านร้านค้าภายใต้การบริหารงานของบริษัท ได้แก่ ร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ร้าน .life, ร้าน Apple Brand Shop จำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ได้แก่ ร้าน iStudio by copperwired ร้าน iBeat by copperwired และ ร้าน Ai_ , ร้าน iServe เป็นศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจากทาง Apple ให้บริการซ่อม/เปลี่ยนอะไหล่สินค้าแบรนด์ Apple ที่ชำรุดแก่ลูกค้าของบริษัทด้วยมาตรฐาน Apple และช่องทาง E-Commerce ผ่านเว็ปไซด์ของบริษัทเอง คือ www.dotlife.store และ www.mustlovemac.store
สำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายค้าส่งเชิงพาณิชย์สินค้ากลุ่มดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ดำเนินการโดยบริษัท โคแอน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPW ถือหุ้น 99.99% ส่วนใหญ่เป็นการขายสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ และเน้นกลุ่มลูกค้าที่นำไปจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายย่อย เช่น CPW ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ พาวเวอร์บาย ร้านค้าปลอดภาษี คิง พาวเวอร์ Apple Store เป็นต้น
บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะขยายสาขาร้านค้าปลีก โดยจะขยายสาขาร้าน .life ในปี 63 ทั้งหมด 6 สาขา ในประเทศไทย มูลค่าเงินลงทุนรวม 70 ล้าบาท, ปรับปรุงสาขาร้านค้าในปัจจุบัน ได้แก่ ร้าน .life ให้มีความทันสมัยและมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ลงทุนรวม 30 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนและเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 220,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 440,000,000 หุ้น ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วครบตามจำนวน
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 25 เม.ย.62 คือ บริษัท วีเน็ท แคปปิทอล จำกัด ถือหุ้น 307,898,600 หุ้น คิดเป็น 69.98% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 51.32%, กลุ่มนายณรงค์ อิงค์ธเนศ ถือหุ้น 328,903,600 หุ้น คิดเป็น 74.75% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 54.82% และนายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ถือหุ้น 67,706,200 หุ้น คิดเป็น 15.39% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 11.28%
ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดปีบัญชี 59-61 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการสุทธิ 2,523.06 ล้านบาท 2,761.22 ล้านบาท และ 3,193.25 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากการขายสินค้า ส่วนที่เหลือมาจากการรายได้จากกลุ่มบริการซ่อมแซมและประกันและรายได้อื่น
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิมีจำนวน 16.22 ล้านบาท 63.35 ล้านบาท และ 83.18 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.63%, 2.27% และ 2.55% ตามลำดับ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากสัดส่วนการขายกลุ่มสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้น และการขยายธุรกิจค้าส่งของบริษัทย่อยที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า อีกทั้งประกอบด้วยสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงเนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น
ณ วันที่ 31 ธ.ค.61 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 881.51 ล้านบาท หนี้สินรวม 524.34 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 357.17 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจะจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังหักสำรองต่างๆทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด โดยการพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท